12 ซีรี่ย์ฝรั่ง 2020 2021 หลากหลายอารมณ์ ดูก่อน ก่อนจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง

ซีรี่ย์ฝรั่ง 2020 2021

มาแล้วจ้ามาแล้ว ซีรีย์ตะวันตก ซีรี่ย์ฝรั่ง 2020 2021  ก็วงการซีรีย์มันช่างดึงดูดคนจริงจริ๊ง ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ย์จีน ซึรี่ย์ญี่ปุ่น ที่ทำเอาคนดูอย่างเราตาแฉะ ที่หลายคนเค้าเตือนว่าวงการซีรี่ย์อย่าได้เหยียบเท้าเข้ามาเพราะถอนตัวยาก สายซีรีย์เกาหลี จีน ที่ว่าปังปุริเย่ ดังพลุแตก จิกหมอนเปลี่ยนหมอนมาหลายใบแล้ว ลองเปลี่ยนมาดูซีรี่ย์ฝรั่งกันบ้าง เรียกว่าเปลี่ยนแนวบ้างไรบ้าง เพราะดีไม่แพ้กันเลยค่ะ 

รีวิว 15 ซีรี่ย์จีน น่าดู สนุกครบรส ไม่ว่าจะหลากหลายแนว ปี 2020 (thatsmatter.com)

ถ้าใครเป็นสายเกาแล้วไม่อาจเปลี่ยนใจ ก็อยากให้ลองเปิดใจสักนิด แล้วคุณอาจจะติดอกติดใจไม่ยอมลุกออกจากโซฟาเลยก็ได้ วันนี้ทาง thatsmatter.com จะพาทุกคนไปดู ซีรี่ย์ฝรั่ง 2020 2021 ใหม่ๆ ที่ออกมาภายในไม่กี่ปีนี้กันบ้าง  ไปดูกันค่ะว่ามีอะไรกันบ้าง

บทความที่เกี่ยวข้อง

ซีรี่ย์ฝรั่ง ที่อยากแนะนำ

1.  Bridgerton  วังวนรัก เกมไฮโซ 

บริดเจอร์ตัน วังวนรัก เกมไฮโซ

ประเภทซีรีย์ : ดราม่า โรแมนติค ย้อนยุค

ปีที่ฉาย : 2020  (Season 2 น่าจะตามมาเร็วๆนี้)

จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน

พากย์ไทย :

เรื่องย่อ :  Bridgerton จากนิยายชื่อดังของ Julia Quinn ที่ขายดีสู่จอทีวีของแพลตฟอร์มความบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix เรื่องนี้ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องปรบมือ จุดพลุชุดใหญ่ให้กับทาง Netflix ที่ได้ทำซีรีย์ Netflix original น้ำดีมาให้คนดูได้ติดตามกัน ได้รับบทวิจารณ์เชิงบวก และมีจำนวนผู้ชมถึง 82 ล้านครัวเรือน เป็นซีรีส์ที่มีคนดูมากที่สุดบน Netflix

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กล่าวถึงสังคมไฮโซเมืองผู้ดีอังกฤษ ในยุค Regency (คือยุคทองของการพัฒนาเรื่องวัฒนธรรม ประเพณีและศิลปะ เป็นยุคมีความเลอค่าทางสังคม เพราะยุคนี้ให้ความสำคัญในเรื่องสุนทรียศาสตร์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม วรรณกรรม แฟชั่น และดนตรี ) ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลบริดเจอร์ตัน ซึ่งเป็นตระกูลไฮโซในสังคม โดยตระกูลนี้มีลูกชายและลูกสาวรวมกัน 8 คน  

ตระกูลบริดเจอร์ตัน

ตระกูลบริดเจอร์ตัน
  รูปจาก juliaquinn.com

โดยใน Season นี้ The Duke and I จะเน้นไปที่ลูกสาวคนโต (ลูกคนที่ 4 ของตระกูล) ดาฟนี่ บริดเจอร์ตัน หญิงที่งดงาม ไม่มีที่ติ ผู้ที่ได้รับคำชื่นชมจากพระราชินีว่าคือ เพชรงามไร้ที่ติและงดงามที่สุดในฤดูกาล 

ในงานฤดูกาลแห่งการพบปะดูคู่ ที่จัดโดยพระราชินี ที่ให้หญิงสาวชนชั้นสูงที่อยู่ในวัยพร้อมออกเรือนได้มีโอกาสได้เจอหนุ่มๆคนชั้นสูง ซึ่งด้วยเหตุการณ์ที่พระราชินีได้ขนานนาม ดาฟนี่ ว่าเป็นเพชรไร้ที่ติและงดงามที่สุดในฤดูกาล ก็ถือว่าเป็น talk of the town เรื่องราวของเธอจึงเป็นที่มีคนพูดถึงกันอย่างมากมาย รวมไปถึง Lady Whistle Down นักเขียนปริศนา ที่ได้เขียนหนังสือพิมพ์ซุบซิบสังคมไฮโซ ที่ผลงานการเขียนที่มีความจิกกัดสังคมชั้นสูงของ Lady Whistle Down ก็เป็นที่ต้องตาต้องใจแกมขัดใจนิดๆของพระราชินี ที่ท่านก็อยากรู้เช่นว่านักเขียนปริศนาผู้มีอิทธิผลต่อสังคมชั้นสูงคนนี้เป็นใครกันแน่ 

ดาฟนี่ ก็มีความหวังว่าเธอจะได้เจอชายหนุ่มที่เธอรัก เพราะความฝันของเธอนั้นยากจะแต่งงานและครองคู่กันอย่างพ่อและแม่ของเธอ (พ่อเสียชีวิตไปแล้ว) โดยการจะออกงานสังคมแต่ละครั้งก็จะมีพี่ชายคนโตอย่าง  แอนโทนี่ บริดเจอร์ตัน ไปด้วย เพราะไปทำหน้าที่แทนพ่อ ที่จะช่วยแสกนหนุ่มๆที่จะเข้ามาหาดาฟนี่ เพราะดาฟนี่คือความหวังของตระกูล ถ้าเธอแต่งงานกับคนตระกูลดี ก็จะเป็นการเกื้อหนุนตระกูลของเธอ และเป็นการโปรยทางให้น้องสาวของเธอที่เหลือที่จะออกเรือนต่อจากเธออีกด่วย

ต่อมาดาฟนี่ได้พบกับ ไซมอน ดยุคแห่งเฮสติ้ง ซึ่งเป็นเพื่อนของแอนโทนี่ ท่านดยุคผู้นี้เป็นชายผู้ที่หน้าตาหล่อเหลา เนื้อหอม แต่มีปมที่เกิดจากการกระทำของพ่อตัวเอง (ปมอะไรนั้นต้องไปดูกันนะคะ) จึงปฏิญาณตนว่าจะครองตัวเป็นโสดและจะไม่มีทายาทสืบสกุลอย่างแน่นอน ซึ่งการเจอกันครั้งแรดของทั้งสองคนนั้นไม่น่าประทับใจ เข้าใจผิดกัน ทั้งคู่จึงไม่ลงลอยกันสักเท่าไหร่ 

แต่ท่านดยุคมีแผนการที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากการจับคู่ของญาติผู้ใหญ่ เลยทำข้อตกลงกับดาฟนี่ว่าจะแสร้งว่าทั้งคู่ชอบพอกัน จากการทำเช่นนี้จะทำให้ดาฟนี่เองเป็นจุดสนใจของชายหนุ่มหลายๆคน (เพราะผู้ชายมักจะต้องตาต้องใจกะบผู้หญิงที่มีคู่ควง-ท่านดยุคกล่าว) ในส่วนของแอนโทนี่ก็ไม่เห็นด้วยที่ทั้งคู่คบหาดูใจกัน

แต่เรื่องช่างอลวนทำให้ทั้งคู่ต้องแต่งงานกันจริงๆ (ซึ่งทั้งคู่ก็เริ่มแอบชอบกันตั้งแต่ตอนแสร้งว่าคบกัน) ชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่ก็แซ่บมากจริง เรียกว่าฉากเลิฟซีนที่เจิมสถานที่ในพระราชวังเนี่ยทำเอาคนดูเขินแทน ชีวิตทั้งคู่ก็มีขึ้นมีลงเหมือนคู่แต่งงานทั่วไป และเขาทั้งสองจะจัดการกับปมในวัยเด็กที่ติดตัวดยุคมาได้หรือไม่ต้องไปตามชมกันค่ะ และอีกอย่างที่เรียกสีสันของซีซั่นนี้

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้เนื้อหาไม่ยืดเยื้อ พระเอกและแอนโทนี่หล่อมาก มาดเข้มทำให้กระชากใจสาวๆไปเลย ส่วนนางเอกเป็นคนฉลาด แต่มีความใสๆเรื่องบนเตียงของเธอ พูดถึงฉาก เสื้อผ้า คอสตูม สวยงามอลังการ ตัวละครเอกเคมีเข้ากันดี ฉากวาบหวิวเยอะ (อารมณ์แบบกิจกรรมเข้าจังหวะเจิมบ้านใหม่ เยอะมาก หลากหลายจุดในวัง) 

ตอนแรกแอบงงเรื่องการนำนักแสดงผิวสีมาแสดงในเรื่องราวของยุคสมัยต้นศตวรรษที่ 18 แต่พอดูไปเรื่อยๆก็ชิน หน้าตาก็ชวนให้หลงไหลและแสดงดีจนลืมจุดนี้ไปเลย สาวๆหลายคนอาจจะเปลี่ยนรสนิยมชอบหนุ่มผิวสีเลยก็ได้เลย 

คะแนนความชอบ :  9/10

ดูได้ที่ : Netflix 

2. Emily in Paris (2020) เอมิลี่ในปารีส 

เอมิลี่ในปารีส ซีรี่ย์ฝรั่ง

ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า คอมมาดี้ โรแมนติค

ปีที่ฉาย : 2020 

จำนวนตอนซีรีย์ : 10

พากย์ไทย : ✘ แต่มีซับไทย (บรรยายไทย)

เรื่องย่อ : เป็นอีกซีรีย์ netflix original เรื่องนึงที่ทาง Netflix ทำเอาไว้ได้ดีทีเดียว เรียกว่าทำเอาสาวๆต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบกันทีเดียว เพื่อนสาวๆไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือฝรั่งก็ติดกันอย่างถอนรากไม่ขึ้น 

เรื่องมันมีอยู่ว่า Emily (Lilly Collins) สาวสวยชาวอเมริกันที่มีความมั่นใจ ร่าเริง เป็นพนักงานในบริษัทการตลาด ในชิคาโก ได้ถูกส่งไปทำงานที่บริษัทในสาขาปารีส ฝรั่งเศส (จริงๆแล้วไม่ใช่เธอหรอกที่ต้องมา แต่ต้องเป็นเจ้านายเธอ แต่ไม่สามารถมาได้เนื่องจากอะไรนั้น ต้องไปดูค่ะ) เธอต้องทำหน้าที่ดูการตลาดของบริษัท แต่เมื่อมาที่ปารีสแล้วนั้นสิ่งที่เธอต้องเผชิญนั่นก็คือ Culture Shock ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม แนวความคิดต่างๆของคน แล้วไหนจะปัญหาเรื่องการใช้ภาษา เพราะเธอไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสสักเท่าไร่นัก และชาวฝรั่งเศสก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ rude มากหากมาทำงานที่นี่แล้วพูดภาษาเค้าไม่ได้ แต่เธอก็คิดว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็คงดีขึ้น เพราะแฟนหนุ่มจะมาหาเธอ แต่แล้วเขาก็ไม่มา เพราะเขาคิดว่าความสัมพันธ์นี้หากต้องดำเนินต่อไปคงไม่เวิร์คแน่ๆ เพราะระยะทาง ความสัมพันธ์จึงต้องจบลง การทำงานของเอมิลี่นั้นก็ไม่ได้ราบลื่นนัก เพราะหัวหน้าในบริษัทนี้ไม่ได้ให้ความสัมคัญกับการตลาดทางโซเชี่ยลสักเท่าไหร่นัก แต่เอมีลี่ก็ต้องแสดงความสามารถและพิสูจน์ว่าโซเชี่ยลมันช่วยได้จริงๆเด้อ จนเรียกได้ว่าเธอเริ่มมีคนที่มีอิทธิพลด้านโซเชี่ยลคนหนึ่ง หรือที่คุ้นหูกันว่า influencer

ด้วย Emily เป็นคนร่าเริงและเข้ากับคนง่าย เธอจึง make friend กับ Mindy (Ashley Park) สาวจากลูกเศรษฐีจากแผ่นดินใหญ่ ที่หนีความอับอายบางอย่างมาอยู่ที่ปารีส (ความอับอายเรื่องนั้นคืออะไรนั้น ต้องลองไปดูกันค่ะ) และอีกคนนึงที่เป็นเพื่อนสนิทของ Emily นั่นก็คือ Camille (Camille Razat) ซึ่งแฟนหนุ่มของเธอก็คือ เชฟหนุ่มเจ้าเสน่ห์ อย่าง Gabriel (Lucas Bravo) คนที่ Emily เห็นแล้วใจสั่นตั้งแต่แรกพบในอพาทเม้น 

แต่ด้วยเคมีที่เข้ากันระหว่าง Emily กับ Gabriel ทำให้ทั้งสองนั้นแอบมีใจให้กันลึกๆ แต่นี่มันเหมือนจะเป็นรักสามเศร้านี่นา แล้วพวกเขาทั้งสองจะทำอย่างไร จะหยุดหรือไปต่อ ต้องไปชมกันค่ะ

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้ต้องบอกว่ามีความสาวสุดๆ สมกับเป็นผลงานผู้สร้างอย่าง  Darren Star ที่ผลิตซีรีส์ที่ทำเอาสาวๆทั่วโลก ติดอกติดใจกันอย่างผลงาน Sex and the City (ดูมินิรีวิวเบาๆจากบทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Sex and the City) 

5 ซีรีส์ ดังดูเพลินที่สำหรับ ฝึกภาษาอังกฤษ สนุกแถมยังได้ฝึกฟังพูดครบ! (thatsmatter.com)

สำหรับสาวๆที่ชอบการแต่งตัวก็คงดูไปแล้วเปิดแอพช้อปออนไลน์ หาชุดองค์ทรงเครื่องเพื่อแต่งเปลี่ยนลุคมาเป็นสาวปารีเซียงกันสักหน่อย 

แนะนำ ร้านค้าออนไลน์ ใช้ในการช้อปปิ้งออนไลน์ หากต้องหยุดอยู่บ้านอีกครั้ง (thatsmatter.com)

ส่วนพล็อตเรื่องนั้นก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยค่ะ เป็นเรื่องราวที่ไม่ได้ดูแล้วหนักสมองมากนัก ส่วนตัวชอบตอนที่ Emily ทำงานมาก เพราะเธอมีความมุ่งมั่น ไอเดียเจ๋ง ปลุกไฟในการทำงานของคนดูได้ดี (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น) และอีกอย่างที่ชอบคือการเป็นคนมองโลกในแง่ดีของ Emily มีความเป็นผู้ใหญ่ในการทำงาน พยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองเพื่อสนับสนุนความคิดของตัวเอง และยอมรับกับความไม่สำเร็จ และอะไรที่พิสูจน์แล้วไปต่อไม่ได้ เธอก็ยอมรับผลที่ตามมา

ส่วนความน่ารักในเรื่องนี้คือการปรับตัวของ Emily เพื่อให้เข้ากับสังคมใหม่ที่มีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมทั่วไป หรือในที่ทำงานที่คนอเมริกันบ้างาน ส่วนคนฝรั่งเศสนั้นทำงานได้รีแล็กซ์มากกว่า 

พูดมาหลายมุมมองแล้วแต่ยังไม่ได้พูดถึงเชพหล่อขั้นเทพอย่าง Gabriel ก็แซ่บไม่เบา ยิ้มที่ไรกระชากใจสาวๆกันเป็นแถว

มีข้อข้องใจอยู่เรื่องนึงในซีรีย์เรื่องนี้นั่นก็คือ Emily ชุดองค์ทรงเครื่องเธอเยอะ จัดเต็มทุกวัน แต่เอ๊ะ! พอมีฉากในห้องเธอ ทำไมเห็นเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ไม่กี่ตัวเอง แล้วดันไม่เห็นตู้เสื้อผ้าสะด้วย ใครสังเกตแบบเดียวกับเราบ้าง? 

คะแนนความชอบ :  9/10

ดูได้ที่ : Netflix 

3. Riverdale ริเวอร์เดล

ริเวอร์เดล

ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า ลึกลับ อาชญากรรม

ปีที่ฉาย : 2017, 2108, 2019, 2020, 2021

จำนวนตอนซีรีย์ : 13-22 ตอน

พากย์ไทย : ✘ 

เรื่องย่อ : 

เรื่องนี้พล็อตเรื่องทำมาจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง Archie and Friends 

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Riverdale เมืองที่สงบสุข ผู้คนสนิทกัน จนอยู่มาวันหนึ่งเมือง Riverdale ที่เคยสงบสุขก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะการเสียชีวิตของเด็กหนุ่มชื่อ Jason Blossom (Trevor Stines) เป็นลูกชายของเศรษฐีเมืองนี้ เป็นตระกูลด้วยที่มีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้ ที่เป็นปฏิปักษ์กับตระกูล  Cooper ซึ่งมีลูกสาวสองคนนั่นก็คือ Betty และ Polly  แต่ Polly กับ Jason ก็ดันตกหลุมรักกันสะงั้น แต่สุดท้ายแล้วความรักก็ต้องจบลงเพราะ Jason เสียชีวิต ซึงคนในเมืองรู้สึกไม่ปลอดภัยในการอยู่ที่นี่ ทุกกันต่างใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง 

กลุ่มเพื่อนไฮสคูลที่มี Archie (K.J. Apa), Jughead (Cole Sprouse), Betty (Lili Reinhart) และ Veronica (Camila Mendes) ได้สวมรอยเป็นนักสืบเพื่อหาข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะอยากให้เมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้ง และเพื่อหาข้อมูลเขียนข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน 

เมื่อสืบไปสืบมาก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะตกเป็นผู้น่าสงสัยไปสะทุกคนไม่เว้นน้องสาวฝาแฝดของ Jason อย่าง Cheryl Blossom (Madelaine Petsch) ซึ่งการเข้าไปสืบเรื่องแต่ละครั้งนั้นก็พาตัวเองเข้าไปตกอยู่ในความอันตราย ไม่ว่าจะต้องเข้าไปสืบในแก็ง serpent 

ต้องไปดูกันค่ะว่าพวกเขาจะสืบเรื่องราวค้นหาคนที่ฆาตรกรรม Jason หาคนทำผิดมาลงโทษได้หรือไม่

ส่วนภาคต่อๆไป ก็ยังคงเป็นเรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้นใน Riverdale ไม่ว่าจะเป็น Back Hood , Gargoyle King และอีกมากมาย เรียกว่า ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก มีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นมาตลอด แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้น่าเบื่อนะคะ เนื่องจากตัวละครมีความโตขึ้น มีกลุ่มคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น และที่สำคัญแต่ละครอบครัวมีความเกี่ยวข้องกันมาจตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ทำให้ซีรี่ย์ที่มีความลึก เนื้อเรื่องดูน่าสนใจ น่าค้นหาไปกับตัวละคร

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : ถ้าใครชอบเรื่องสืบสวนสอบสวนแล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาด คือได้อารมณ์แบบ “เลือดข้น คนจาง” กับแฮชแท็กที่ติดอันดับอย่าง #ใครฆ่าประเสริฐ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างมีคนมาเกี่ยวข้องเยอะกว่า แต่การดำเนินเรื่องก็ไม่ได้ทำให้เครียดจนต้องกุมขมับ เพราะยังมีความน่ารัก กุ๊กกิํกแบบรักสมัยไฮสคูล และต้องบอกว่าอีกกลุ่มตัวละครที่ทำให้เรื่องนี้น่าดูนั่นก็คือ วงนักดนตรีที่ชื่อว่า 

Josie and the Pussycats เรียกว่าถ้าพวกเธอขึ้นเวทีทีไร ต้องสะกดสายตาคนดู เพราะการทำดนตรีของพวกเธอช่างมีเสน่ห์ พวกกับเสียงร้องอันจับใจ

เอาตัวอย่างไปดูกันค่ะ แล้วจะหลงรักพวกเธอ

คะแนนความชอบ :  9/10

ดูได้ที่ :   Netflix 

4. The crown เดอะ คราวน์

เดอะ คราวน์ ซีรี่ย์ฝรั่ง

ประเภทซีรี่ย์ :  ดราม่า , อิงชีวประวัติ

ปีที่ฉาย : 2016, 2017, 2019, 2020

จำนวนตอนซีรีย์ : 10 ตอน/season

พากย์ไทย : ✔ 

เรื่องย่อ : 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าถึงเรื่องราว ของราชวงศ์วินเซอร์ (Royal House of Windsor) ราชสำนักแห่งสหราชอาณาจักร ที่คนทั่วโลกรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี (จริงๆแล้วราชวงศ์วินเซอร์ ไม่ได้เป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่แต่อย่างใด จากอดีตจนถึงปัจจุบันเพิ่งมีประมุขปกครองเพียง 4 พระองค์เท่านั้น นั่นก็คือ พระเจ้าจอร์จที่ 5, พระเจ้าเอ็ดเวิร์ตที่ 8, พระเจ้าจอร์จที่ 6 และสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2) ที่อิงจากชีวประวัติของบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง   

โดยเหตุการณ์จะนำเสนอเรื่องราวตั้งแต่ปีคริตศักราช 1947 โดยประมุขผู้ปกครองของประเทศอังกฤษนั้นคือ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ผู้เป็นพระราชบิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (Claire Foy ,Olivia Colman และ Imelda Staunton) และเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต (Vanessa Kirby)

ต่อมาเจ้าหญิงเอลิซาเบธ ได้ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟิลิป (ซึ่งเป็นเจ้าชายแห่งกรีซ) ซึ่งก่อนจะเข้าพิธีอภิเษกสมรส เจ้าชายฟิลิปได้ถอดยศทั้งหมดที่มีจากราชวงศ์กรีซออก เรียกว่าเป็นการเคลียร์สถานะตัวเองเพื่อจะได้แต่งงานนั่นเอง หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนนามสกุลมาใช้  “เมานท์แบทเทน” ของลุงแทน (ซึ่งเดิมนามสกุลนี้ก็คือ MOUNTAIN BERG) และเปลี่ยนสัญชาติมาเป็นคนอังกฤษอย่างเต็มตัว 

เมื่อพระเจ้าจอร์จที่ 6 ได้สวรรคต ผู้ที่ต้องสืบบัลลังก์ต่อนั่นก็คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ แต่การขึ้นครองราชย์ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่จะเป็นเรื่องง่าย เพราะเธอต้องพิสูจน์ตนเองต่อข้าเหล่าขุนนาง และนายกรัฐมนตรีที่ถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวหลายๆอย่างในประเทศอังกฤษ อย่าง วินสตัน เชอร์ชิล

การขึ้นครองราชย์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยากในส่วนของหน้าที่แล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพระเองและเจ้าชายฟิลิปอีกด้วย ตั้งแต่ตอนที่จะตัดสินใจว่าหากมีพระราชโอรสหรือพระราชธิดา จะต้องใช้นามสกุลฝั่งใคร, เรื่องที่พำนักหลังครองราชย์ และไหนจะข่าวฉาวโฉ่เรื่องความรักของพระขนิษฐา อย่างเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต เรียกว่าการเป็นประมุขเนี่ยไม่ได้ง่ายเอาสะเลยนะคะ 

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้ผู้สร้างก็คือ Peter Morgan ซึ่งเป็นผู้สร้างที่มีผลงานเกี่ยวับราชวงค์ต่างๆมากมาย ผลงานชื้นนี้ก็เป็นผลงานน้ำดีของเขา 

พูดถึงเรื่องนี้ที่ชอบเพราะส่วนตัวแล้วชอบดูละคร ซีรีย์ หรือหนังที่เกี่ยวข้องกับชีวประวัติอยู่แล้ว ดูเรื่องนี้ก็เหมือนได้รู้ inside ของพระราชวงศ์วินเซอร์ นักแสดงถ่ายทอดความรู้สึกได้ดี ตัวประกอบต่างๆก็เล่นได้ดี คอสตูมเหมาะกับเรื่องราว โลโคชั่นต่างๆก็สวยงาม พูดสะขนาดนี้ไปหาดูกันเถอะค่ะ ไม่ใช้แค่สนุกอย่างเดียวนะคะ ยังได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศอังกฤษอีกด้วย

คะแนนความชอบ :  10/10

ดูได้ที่ : Netflix 

5. After Life อาฟเตอร์ ไลฟ์

อาฟเตอร์ ไลฟ์

 

 

ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า คอมมาดี้

ปีที่ฉาย : 2019 , 2020  

จำนวนตอนซีรีย์ : Seanson 1 -3 ซีซันละ 6 ตอน

พากย์ไทย :

เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของ “โทนี่ จอห์นสัน” (Ricky Gervais) ชายวัยกลางคน ที่มีความเกรียนในตัว (ถ้าใครเคยดูซีรีย์อังกฤษ The office ที่ Ricky Gervais แสดงจะเห็นได้ว่าเกรียนไม่แพ้กันเลย)  เป็นคนสนุกสนาน แต่แอบมีนิสัยขวางโลกนิดๆ ทำงานอยู่ที่สำนักข่าวท้องถื่นแห่งหนึ่ง เขาได้สูญเสียภรรยา (ลิซ่า จอห์นสัน) ด้วยโรคมะเร็ง จากนั้นโทนี่ก็จมอยู่กับความสูญเสียไม่สามารถ move on ได้ ทุกวันก็นั่งคุยกับสุนัขคู่ใจ และดูวิดีโอเก่าๆของภรรยา และไปนั่งอยู่ที่หน้าหลุมฝังศพของภรรยา โทนี่เคยตัดจนอยากฆ่าตัวตาย แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากคิดว่าหากเขาตายไปแล้วใครจะเลี้ยงสุนัข ซึ่งเป็นสุนัขที่เขาและภรรยาเลี้ยงกันมา เมื่อตัดสินใจจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่ความเศร้าก็ยังไม่ไปไหน โทนี่ใช้ชีวิตแบบหมดอาลัยตายอยาก เขาพยายาม move on ไปเดทกับผู้หญิงคนใหม่ แต่ด้วยบึ้งลึกของหัวใจแล้วนั้นยังไม่สามารถตัดความเศร้าออกไปได้ ดังนั้นการเดทครั้งนั้นก็ไม่ได้สานสัมพันธ์ต่อ ซึ่งจุดที่สร้างความน่าสนใจของซีรีย์เรื่องนี้คือตอนที่โทนี่ต้องออกไปหาข่าว สัมภาษณ์คนต่างๆ มันทำให้เกิดความฮาได้ตลอด เพราะโทนี่อยู่ในภาวะที่มองโลกด้วยความขัดแย้ง จึงทำให้การสัมภาษณ์คนมีความสนุก และที่สำคัญที่บรรยากาศของพนักงานสำนักข่าวท้องถื่นเวลาอยู่ด้วยกันก็สนุกสนาน จิกกัดกันบ้าง แต่จริงๆก็เป็นห่วงซึ่งกันและกัน มาดูกันค่ะว่าโทนี่จะดึงตัวเองออกมาจากวังวนความสูญเสียได้อย่างไร

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : ส่วนตัวเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย แต่มีความลึกในส่วนของการใช้ชีวิตหลังความตายของคนที่เรารักที่สุด เป็นเรื่องที่ดูได้สบายๆ ซีรีส์ที่เรียบง่าย ไม่ต้องคิดอะไรมาก อาจจะขัดใจกับโทนี่เล็กน้อยในแง่ของความคิด แต่นี่ก็คือความจริงว่าทุกคนมีการเยียวยาจิตใจที่แตกต่างกันไป ติดตามซีรีส์เรื่องนี้เพราะอยากรู้ว่าโทนี่จะกลับมาใช้ชีวิตให้ปกติขึ้นได้อย่างไร

คะแนนความชอบ :  7/10

ดูได้ที่ : Netflix 

 

6.The Walking dead

เดอะ วอร์ลกิ้ง เดด ซีรีย์ฝรั่ง

ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า สยองขวัญ ระทึกขวัญ

ปีที่ฉาย : 2010 จนถึงปัจจุบัน 11 ซีซัน และยังคงมีต่อ

จำนวนตอนซีรีย์ : 6-16 ตอน 

พากย์ไทย :

เรื่องย่อ : The Walking dead เป็นซีรีส์ที่ทำเรตติ้งถล่มทลายในทุกซีซั่น เรียกว่ามีแฟนคลับทั่วโลกเลยก็ว่าได้ นี่พอมานั่งทำรีวิวซีรีย์เลยอึ้งว่า นี่เราติดตามซีรีย์มาได้ยาวนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย 

โดยเปิดซีรีย์ขึ้นมาที่โรงพยาบาล โดยรองนายอําเภอ Rick Grimes (Andrew Lincoln) ตื่นมาจากอาการโคม่าที่โรงพยาบาล แต่สิ่งที่เค้าต้องพบก็คือผู้คนล้มตายกันมากมาย แต่เหตุการณ์มันไม่ธรรมดาก็คือการตายสยดสยองครั้งนี้เกิดจากเหล่าซอมบี้ หรือที่ในซีรีย์เรียกว่า วอร์คเกอร์ ได้คร่าชีวิตคน และเมื่อคนเหล่านั้นได้ตายไปก็กลายร่างเป็นซอมบี้ไปอีก เรียกว่าเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ตัว Rick ก็พยายามตามหาครอบครัวของเขา(ภรรยา Lori Grimes และลูกชาย Carl Grimes) สุดท้ายก็ได้เจอ แต่กว่าจะได้เจอนั้นเรียกว่าเล่นเอาคนดูลุ้นกันพอๆกับการจู่โจมของซอมบี้ แต่เมื่อเจอกันแล้วก็ใช่ว่าทุกอย่างราบรื่น เพราะยังคงต้องหาทีอยู่ที่ปลอดภัย พยายามออกจากเมืองนั้นเพื่อหนีจากซอมบี้ 

ระหว่างการเดินทางนั้น Rick ก็ได้เจอคนมากมายที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา ไม่ว่าจะเป็น  Daryl (Norman Reedus),Carol (Melissa McBride),  Michonne (Danai Gurira), Maggie (Lauren Cohan) และอีกหลายๆคน ที่มาร่วมเดินทางไปกับเขา แต่เมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ ก็ทำให้พวกเขารู้ว่า ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้ พวกเขาเลยคิดจะสร้างชุมชนเพื่อความอยู่รอด ให้ทุกคนได้มีอาหารที่เพียงพอ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะกลุ่มของ Rick ยังต้องต่อสู้กับซอมบี้ และกลุ่มหัวโจกอื่นๆที่รวมกลุ่มกันหวังจะเป็นใหญ่ เพื่อให้กลุ่มของตัวเองมีอาหารและของใช้ที่เพียงพอ 

ซึ่งในแต่ละซีซันก็มีกลุ่มคนใหม่ๆเข้ามา มีเรื่องต่างๆให้ต้องแก้ไขกันมากมาย เรื่องนี้เราก็ยังคงเฝ้าติดตามการสร้างเมืองใหม่ของพวกเขาว่าจะเป็นอย่างไร

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้ตอนแรกที่ดูก็ขนหัวลุกทุกทีที่ซอมบี้ออกมา คอยลุ้นกันตลอดว่าตัวผู้แสดงที่ชื่นชอบจะโดนซอมบี้กัดหรือปล่าว แต่พอซีซันหลังๆก็มาลุ้นว่ากลุ่มของ Rick จะโดนใครลอบกัดรึปล่าว ชอบการดำเนินเรื่องที่ให้เห็นถึงความลำบากในการที่จะสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาสักหนึ่งเมือง ต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย และทำให้เห็นถึงความสามัคคีของคนในกลุ่มที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้กลุ่มของเขาปลอดภัย เพราะการดำเนินเรื่องของตัวละครมีความลำบากในบทละคร ทำให้คนดูอย่างเราก็ลุ้นไปกับซีรีย์ว่าสุดท้ายแล้วมันจะจบลงอย่างไร

คะแนนความชอบ :  10/10

ดูได้ที่ : Fox 

7. Westworld เวสเวิลด์

เวสเวิลด์ ซีรี่ย์ฝรั่ง

ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า, Sci-fi, ลึกลับ 

ปีที่ฉาย : 2016, 2018, 2020, 2021 coming soon

จำนวนตอนซีรีย์ : 10 ตอน

พากย์ไทย : 

เรื่องย่อ : Westworld เป็นเรื่องราวของอุทยานสวนสนุกที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาล โดยสวนสนุกแห่งนี้เกิดจากการสร้างของ Dr. Robert Ford (Anthony Hopkins) และ Arnold Weber (Jeffrey Wright)  โดยจุดประสงค์ของการเปิดสวนสนุก ก็เพื่อให้ผู้มาเยือน หรือในเรื่องเรียกกันว่า Guest ได้ตอบสนองด้านมืด ความบ้าคลั่งของตัวเองกับหุ่นยนต์ ในเรื่องเรียกกันว่า Host ซึ่ง Host จะไม่สามารถตอบโต้ Guest ได้เลย พูดง่ายๆก็คือสร้างมาเพื่อถูกกระทำ

โดยซีซัน 1 เริ่มด้วยตรีม คาวบอย และ Host ตัวแรกที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมานั้นเป็น Host สาวสวย ชื่อว่า Dolores Abernathy (Evan Rachel Wood) ลูกสาวชาวไร่ ซึ่งพวกเขาพัฒนาเธอขึ้นมา ถือว่าเป็นไปได้ดีมากๆ เพราะ Dolores  มีความคล้ายคลึงมนุษย์ มีความคิด ความรู้สึกที่คล้ายมนุษย์ด้วยเช่นกัน ดังนั่น Arnold จึงเริ่มไม่เห็นด้วยกัการสร้างสวนสนุกนี้แล้ว แต่ทางดร.Ford นั้นก็ไม่ฟัง และสุดท้าย Arnold จึงใส่ชิปไปให้ Dolores เพื่อให้เธอสังหารเหล่า Host และ ตัวเขาเอง เพราะเชื่อว่าหากเขาตายไป ดร.Ford จะล้มล้างการสร้างสวนสนุกแห่งนี้ 

แต่กลับกัน ดร.Ford ยังคงยึดมั่นในการสร้างสวนสนุก และสร้าง host ที่หน้าตาคล้ายกับ Arnold ขึ้น ซึ่งชื่อว่า Bernard Lowe (Jeffrey Wright)  ให้มาเป็นผู้ตรวจสอบดูแลหุ่นยนต์

และแล้วก็มาในส่วนของ Guest ที่เข้ามากันบ้าง Logan (Ben Barnes) และ William (Jimmi Simpson) โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นคือพี่เขยกับน้องเขย โดย William กำลังจะแต่งงานกับน้องสาวของ Logan จุดประสงค์ของการมาที่นี่ก็เพื่อที่จะได้สนิทกับน้องเขยมากขึ้น 

ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ใน Westworld ตัวของ Logan ก็ทำเรื่องแย่ๆ กับ Host ไว้มากมาย แต่ William ผู้ที่เป็นคนจิตใจดี ก็ยังคงความเป็นคนดีของตัวเองไว้ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ  Logan 

Logan และ William ได้เข้าร่วมเกมส์ตามล่าค่าหัว เมื่อพวกเขาเดินทางไปเรื่อยๆ ก็ได้เจอกับ Dolores ที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนจากโจรที่ฆ่าครอบครัวของเธอ William รู้สึกเห็นใจ Dolores จึงขอ Logan ให้ Dolores เดินทางร่วมกับพวกเขาด้วย เมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ จากความรู้สึกที่เห็นใจที่ William มีให้กับ Dolores นั้นเริ่มก่อเป็นความรัก เมื่อ Logan สังเกตเห็นก็พยายามขวางและเตือนสติ William ว่า Dolores เป็น Host หุ่นยนต์ แต่ William ก็ตกหลุมรักเกินจะตัดใจได้ เขามีแผนที่จะพา Dolores ออกจาก Westworld เพื่อไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงกับเขา แต่ Logan ก็ขัดขวาง  ทำร้าย Dolores จนเธอต้องหนีไป

 William เกิดความบ้าคลั่งที่ต้องพลัดพรากจาก Dolores เขาจึงฆ่า Host ทุกตัวที่พยายามกัดกั้นเขา และบังคับให้ Logan ตามหา Dolores เขาตามหาเธออยู่นานมากจนได้เจอเธอ และได้พบว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือการวางแผนของสวนสนุก เขาจึงเสียใจ และโบกมือบ้ายบายสวนสนุกแห่งนี้ไปใช้ชีวิตจริง แต่เมื่อออกไปก็ยังไม่ตัดใจสะทีเดียว ยังมีอะไรที่คาใจ เขาจึงได้ซื้อหุ้นสวนสนุกไว้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหุ้นใหญ่ของสวนสนุกเลยก็ว่าได้ และทำไมเขาถึงซื้อหุ้นไว้ ต้องไปตามดูกันนะคะ

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เค้าบอกกันว่าเรื่องนี้จะมาโค่นบัลลังก์ Game of Thrones ซึ่งจากการดูมา 3 Season ก็ต้องบอกว่าเกือบจะได้โค่นแล้วค่ะ ความสนุกของเนื้อเรื่องเริ่มมันส์ขึ้นเรื่อยๆ คือเปลี่ยนฉากไปเรื่อย ความอลังการ เป็นอีกหนึ่งซีรีย์ที่ทาง HBO ทุ่มทุนสร้างผลงานดีๆมาให้เราได้ชมกัน

ซีรีย์เรื่องนี้ถ้าใครไม่ได้ตั้งใจดูต้องบอกเลยว่าอาจจะไม่เข้าใจเนื้อหาของเรื่องราว อาจจะต้องกลับไปดูซ้ำ ดังนั้นเตือนนิดนึงว่า ตอนดูเนี่ยต้องมีสติสักนี๊ส

คะแนนความชอบ :  9/10

ดูได้ที่ :  HBO

8. Gentleman Jack เจ้นเทิลแมน แจ็ค

เจ้นเทิลแมน แจ็ค

ประเภทซีรี่ย์ :  ดราม่า , ย้อนยุค ,อิงชีวประวัติ

ปีที่ฉาย : 2019

จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน

พากย์ไทย :

เรื่องย่อ : เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวที่นำมาจากการจดบันทึกไดอารี่ของ แอนน์ ลิสเตอร์ ( Suranne Jones) ที่เธอเป็นคนที่ชอบการจดบันทึกประจำวันของเธอเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานหรือเรื่องจิปาถะในชีวิตของเธอ เรื่องที่นำมาเสนอในซีรีย์นั้นเกิดในปี 1832 ซึ่งแอนน์ ลิสเตอร์ เป็นผู้หญิงชาวอังกฤษ ที่เกิดมาในครอบครัวฐานะดี ตัวเธอนั้นมีรสนิยมที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน หรือที่เราเรียกกันในสมัยนี้ว่า เลสเบี้ยน นั่นเองเธอชอบแต่งกายที่ออกจะแปลกตาไปจากสาวๆในสมัยนั้น ไหนจะเรื่องการใช้ชีวิตที่ลุยถึงไหนถึงกัน เธอจึงถูกมองว่าเธอเป็น “คนพิลึก” ในยุคสมัยนั้น

แอนน์ได้ออกท่องเที่ยวไปตามทวีปต่างๆ จนถึงเวลาที่ต้องกลับสู่อังกฤษบ้านของเธอที่ West Yorkshire

ภารกิจหลักของเธอที่กลับมาในครั้งนี้ก็คือการกลับมาเพื่อดูแลที่ดีและพัฒนาที่ดินผืนนั้นให้งอกงามให้กับครอบครัว

โดยแอนน์อยากอยากทำเหมืองถ่าน ในที่ดินของตระกูลของเธอ เพราะที่ดินแห่งนี้เคยเป็นเหมืองถ่านหินเก่าที่ปิดตัวไปอย่างยาวนาน โดยการทำกิจการครั้งนี้เธอก็ต้องมาทำร่วมกับคริสโตเฟอร์ ธอว์สัน ตระกูลเจ้าของธนาคาร ที่มีความเจ้าเล่ห์ การต่อรองทางการค้าระหว่างแอนน์กับคริสโตเฟอร์ เป็นไปได้อย่างดี เพราะทางแอนน์เรียกเก็บเงินได้สมน้ำสมเนื้อ แต่เธอก็มาได้พบความจริงว่าคริสโตเฟอร์ได้ลักรอบขนถ่านหินของเหมืองเธอออกไป แต่มาร่วมทำธุรกิจครั้งนี้เพื่อจะมาปกปิดความผิด จึงทำให้เกิดการฟาดฟันกันทางฝีปาก เรียกว่าดุเดือดมาก

ในระหว่างที่ทำธุรกิจที่บ้านอยู่นั้น แอนน์ ลิสเตอร์ ก็ได้มีโอกาสมาเจอกับ แอนน์ วอร์คเกอร์ ลูกสาวเศรษฐีเพื่อนบ้าน ที่มีฐานะดี แต่กลับไม่มีความสุขในชีวิต มีความป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อเธอได้อยู่ใกล้กับแอนน์ ลิสเตอร์ ก็ทำให้ชีวิตเธอมีความสุขขึ้น เหมือนมีคนที่มาเติมช่องว่างที่หายไปของเธอ ทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น พัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นไปถึงขั้นคนรัก

ทั้งคู่วางแผนจะออกเดินทางท่องโลกกว้างด้วยกัน และได้ทำการหมั้นหมายกันอย่างเงียบๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีใช่มั๊ยคะ แต่ความแคร์โลก แคร์สายตาคนอื่น ของแอนน์ วอร์คเกอร์ ที่กลัวว่าจะถูกนินทา เป็นที่จับตามองจากคนรอบข้าง จึงทำให้เธอไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ครั้งนี้ ฝ่ายแอนน์ ลิสเตอร์ก็เริ่มเกิดความไม่มั่นใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะตัวเธอนั้นอยากเปิดเผยให้คนอื่นได้รับรู้ จะได้ใช้ชีวิตคู่กับแอน วอร์คเกอร์ สะที ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่รักกับสาวคนไหนแล้วสุดท้ายแม่สาวเจ้าก็ตัดสินใจจบความสัมพันธ์แล้วไปแต่งงานกับคนอื่น

มันช่างน่าเศร้าใจนัก เพราะตัวแอนน์ ลิสเตอร์ เป็นคนที่รักใคร รักจริง ทุ่มเท เรียกว่าบูชาความรักเลยก็ว่าได้ จึงทำให้คนดูอย่างเราเอาใจช่วยเธอสมหวังกับความรักสะที

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : ซีรี่ย์เรื่องนี้พลอตเรื่องดูเหมือนจะเป็นการเล่าเรื่องราวขอคนคนหนึ่งในหน้าที่การงานและความรัก แต่จะมีความสนุกเพิ่มเติมจากการใส่เรื่องราวยิบย่อย ทำให้แน่ใจ ติดตามชม 

ส่วนตัวชอบในการแรกฝีปาก การต่อรองทางการค้าของแอนน์ เพราะในยุคนั้นคนที่จะต้องออกหน้าในการทำธุรกิจนั้นต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น แต่ความเฉลียวฉลาดของแอนน์ ก็ทำให้ผู้ชายหลายๆคนต้องยอมเธอ

ส่วนในเรื่องความรักก็เป็นไปอย่างละเมียดละไม เพราะต้องบอกเลยว่า แอนน์ ลิสเตอร์ มีความเป็น gentleman ความละเอียดอ่อน ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆหลายคนตกหลุมรักเธอ 

สิ่งที่เราเซอร์ไพรซ์มากในการดูเรื่องนี้ นั่นก็คือ การที่ครอบครัวของแอนน์ ลิสเตอร์ ยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น และพร้อมที่จะสนับสนุนเธอ ซึ่งในยุคนั้นการที่ครอบครัวจะเปิดรับการรักเพศเดียวกันนั้นดูเหมือนจะยาก แต่ครอบครัวเธอก็เข้าใจเธอเป็นอย่างดี

คะแนนความชอบ :  8/10

ดูได้ที่ : HBO

9. Killing Eve คิลลิ่ง อีฟ

คิลลิ่ง อีฟ ซีรีย์ฝรั่ง

ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า แอคชั่น ผจญภัย

ปีที่ฉาย : 2018, 2019, 2020, 2021

จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน 

พากย์ไทย : 

เรื่องย่อ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Codenname Villanelle 

ซึ่่งเรื่องราวเกี่ยวกับ Eve Polastri ( Sandra Oh) ตำรวจรักษาความปลอดภัยของ MI5 (หน่วยราชการลับของอังกฤษ) ที่ได้รับมอบหมายให้ตามจับ Villanelle นักฆ่าสาวโรคจิต ( Jodie Comer) ขององค์กรลับแห่งหนึ่ง เธอเป็นนักฆ่าที่โหด เลือดเย็น ถือว่าเป็นนักฆ่าที่มีพรสวรรค์

ซึ่งทางองค์กรลับที่ Villanelle ได้ทำงานให้นั้น ได้มอบหมายงานชิ้นใหม่ให้ Villanelle ไปฆ่า Eve 

เมื่อทั้งคู่ไล่ล่ากันไปไล่ล่ากัน ต่างพลัดกันชิงไหวชิงพริบ ก็ทำให้ตกหลุมรักกันสะงั้น (จากซีรีย์นักฆ่า กลายเป็นซีรีย์วายสะงั้น) แต่เป็นการตกหลุมรักแบบโหดเลือดสาด เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีใบสั่งฆ่า สั่งจับ จากหน่วยงานของตน และทั้งคู่ก็เป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานเอาสะด้วย แต่ความในใจลึกๆก็ยังห่วงหาอาลัยซึ่งกันและกัน 

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูแล้วตอนแรกๆก็ค่อนข้างเครียดไปกับการฆ่าของ Villanelle แต่พอ Villanelle ออกมาด้วยการแต่งกายที่เก๋ ก็แบบลืมการเป็นนักฆ่าสายโหดของเธอไปสะนั้น แต่ก็ไม่ได้เครียดสะขนาดนั้นนะคะ เพราะความขี้เล่น กวนประสาทของ Villanelle ก็ทำให้อดขำไม่ได้ 

เรื่องนี้มันมีความลึกของตัวละครว่า Eve ผู้ที่เป็นตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้มาจับตัว  และ Villanelle ผู้ที่สั่งได้รับคำสั่งให้ฆ่า Eve ตกหลุมรักกันได้อย่างไร แล้วสุดท้ายแล้วจะต้องทำตามหน้าที่ หรือทำตามหัวใจก็ต้องตามดูกัน

คำถามที่มีอยู่ในใจตอนที่ดูซีซัน 1-2 นั้นก็คือ ทำไม Villanelle ถึงโหดได้ขนาดนี้ แต่พอดูไปถึงซีซัน 3 จึงเข้าใจที่มาที่ไปของการเป็น Villanelle ได้มากขึ้น

ทาง  imdb.com ให้ประเภทซีรีย์ Killing Eve ว่าเป็น Adventure แต่เราว่าจะเป็น Thrill สะมากกว่า

คะแนนความชอบ :  9/10

ดูได้ที่ : BBC

10. Death in Paradise

Death in Paradise ซีรี่ย์ฝรั่ง

 

ประเภทซีรี่ย์ : ดรามา อาชญากรรม คอมมาดี้

ปีที่ฉาย : 2011, 2013, 2014, 2015, 2016, 2017, 2018, 2019, 2020, 2021

จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน

พากย์ไทย : 

เรื่องย่อ : เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวน สอบสวน โดยทางประเทศอังกฤษได้ส่ง DI (เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ) ไปประจำการที่ Saint Marie หมู่เกาะที่มีความงดงามดั่งกับได้ไปอยู่บนสวรรค์ แต่หลายคนก็ต้องมาจบชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งการค้นหาผู้กระทำความผิดนั้นก็เป็นหน้าที่ของทีมสืบสวนที่นำโดย DI ของประเทศอังกฤษ ร่วมกับตำรวจท้องถิ่นร่วมกันหาความจริง

ซึ่งลีลาการหาเบาะแสของเจ้าหน้าที่ทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจ และการขมวดปมฆาตรกรรมในตอนจบของแต่ละตอน ก็เป็นการโยงข้อมูล หลักฐานที่เก็บมา และเปิดโปงฆาตรกร

 

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : พล็อตเรื่องของเรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก เพราะแต่ละตอนจะเป็นคดีที่แตกต่างกันไป ทำให้ดูได้ ไม่หนักสมอง เนื้อห้าจบในตอน เรื่องนี้ไม่ได้เน้นหนักในการให้เบาะแสที่หนักหน่วงอย่างเรื่องสืบสวนเรื่องอื่นๆสักเท่าไหร่ แต่จุดเด่นของเรื่องจะเป็นการขมวดการฆาตรกรรมของ DI ที่บางครั้งเราดูแล้วก็งงว่าเบอะแสแค่นี้ สามารถต่อเรื่องราวได้ขนาดนั้นเลยเหรอ 

อีกอย่างที่ซีรีย์เรื่องนี้เน้นก็คือ ความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงาน

ซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่ดูได้เรื่อยๆ เบาสมอง แต่ก็ชวนให้คิดตามว่าใครกันแน่น๊าคือฆาตรกร

เรื่องนี้เราเปลี่ยนหน้า DI มาแล้วทั้งหมด 4 คน ซึ่งแต่ละคนก็มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไป

คะแนนความชอบ :  7/10

ดูได้ที่ :   Netflix / BBC

 

11. The Bay เดอะเบย์

เดอะเบย์

 

ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า อาชญากรรม

ปีที่ฉาย : 2019, 2021

จำนวนตอนซีรีย์ : 6

พากย์ไทย : 

เรื่องย่อ : เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนคดีในท้องถิ่นแห่งหนึ่ง โดนที่มีตำรวจที่เป็นผู้รับผิดชอบนั่นก็คือ ตำรวจหญิง Lisa (Morven Christie) กับตำรวจหน้าใหม่อย่าง Med (Taheen Modak) ใน Season 1 เขาต้องสืบการหายตัวไปของเด็กวัยรุ่น แต่ Lisa ก็ดั้นไปเคยมีความสัมพันธ์แบบ one night stand กับพ่อของเด็กคนนั้นในคืนที่เด็กหายตัวไป แต่เธอก็พยายามปิดบังหัวหน้าของเธอ เพราะเธอยังอยากที่จะทำงานต่อไป และไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานรู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับผู้ชายแปลกหน้า แต่ความลับก็ไม่มีในโลกใบนี้ หัวหน้าของเธอได้รู้เรื่อง จึงปลดเธอออกจากคดีนี้ แต่ก็มีเหตุต่างๆที่ทำให้เธอยังพัวพันในคดีนี้ จนสุดท้ายคดีก็กระจ่างและจบลงด้วยการหาคนผิดมารับโทษได้

Season 2 เป็นเหตุการที่มีการฆาตรกรรมชายคนหนึ่งในบ้านของเขา ครั้งนี้  Lisa ได้รับมอบหมายให้ทำคดีคู่กับ Med การสืบสวนก็เป็นไปอย่างดุเดือด มีตัวละครลับเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ คนในครอบครัวต้องถูกเป็นผู้กล่าวหา และความผิดเรื่องปกติของบริษัทครอบครัวนี้ก็ต้องถูกเปิดเผย แต่สุดท้ายก่อนจะจบคดีนี้ได้ก็พบกับความจริงที่ถูกปกปิดมาซึ่งเป็นเหตุการณ์ฆาตรกรรมครั้งนี้

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ :  เรื่องนี้นอกจากการเน้นไปเรื่องการทำงานของ Lisa และตำรวจในการสืบคดีแล้วนั้น ยังมีเรื่องรองของครอบครัว Lisa ที่เธอเป็น single mom ที่ไม่ค่อยจะมีเวลาให้ลูกๆ เนื่องจากงานของเธอ 

เรื่องของการสืบสวนค่อนข้างเป็นไปอย่างเรื่อยๆ เรื่องการสอบสวนจะจบในซีซัน เนื้อหาไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมาย ดูได้เรื่อยๆ ไม่ได้มีตอนไหนให้ระทึก บทบาทตัวละครสมเหตุสมผล เล่นได้ดีสมบทบาท 

คะแนนความชอบ :  6.5/10

ดูได้ที่ :   Netflix / ITV UK

12. Chernobyl  เชอร์โนบิล 

เชอร์โนบิล  ซีรี่ย์ฝรั่ง

ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า,สารคดี, ระทึกขวัญ

ปีที่ฉาย : 2019

จำนวนตอนซีรีย์ : 5

พากย์ไทย : 

เรื่องย่อ :

Chernobyl เชอร์โนบิล เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คนในโลกใบนี้ไม่มีวันลืม ที่มีผลกระทบต่อมนุษย์ เหมือนกับที่เรากำลังเผชิญอยู่กับโควิด-19 ณ ปัจจุบันนี้ แต่ Chernobyl ไม่ได้เกิดจากการระบาดของไวรัส แต่เป็นมหันตภัยนิวเคลียร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 24 เมษายน ปี 1986 เกิดจากการระเบิดของเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 4 ของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิล ในเมืองพริเพียต ซึ่งที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์นี้อยู่ใกล้ ทางตอนเหนือของยูเครน และใกล้ชายแดนเบลารุส  ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นี้เป็นโรงงานไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้นของสหภาพโซเวียต บริเวณไม่ไกลจากโรงไฟฟ้าเป็นที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในโรงไฟฟ้า  ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่ลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้พื้นที่ใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นยูเครน และเบลารุส  ก็ได้รับผลกระทบครั้งนี้ไปด้วย ซึ่งในยุคนั้นหลายคนรู้ว่าโทษของกัมมันตรังสีคืออะไร แต่ไม่ได้ตระหนักมากนัก ดังนั้นกัมมันตรังสีจึงได้คร่าชีวิตผู้คนที่พักในปริเปี้ยตไปจำนวนมาก  และอีกอย่างหนึ่งที่ทางซีรีย์นำเสนอนั่นก็คือการล่าช้าในการจัดการของทางรัฐบาลพยายาม ที่พยายามปิดข่าว กว่าจะได้อพยพคนออกจากละแวกนั้นได้ก็ต้องเสียบุคลากรและผู้คนไปมากมาย

เรื่องราวได้นำเสนอการแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์หลายแขนง นักการเมือง ทหาร ต่างระดมความรู้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นสเกลใหญ่ และมีหลายเปลาะให้แก้ตลอดเวลา และความขัดแย้งต่างๆภายในทางการเมือง แต่หลายคนก็พร้อมที่ได้รับหน้าที่ที่ถูกมอบหมายไว้เพื่อกู้มหันตภัย ทั้งๆที่รู้ว่าต้องแลกด้วยชีวิต 

ถ้าอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับในกับพนักงานกะกลางคืนที่ควบคุมเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 4 ต้องไปดูกันนะคะ

ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : ดูเรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงการการพลัดพรากจากคนที่รัก ผลกระทบจากคนรุ่นเก่าที่ทำมาและส่งผลถึงคนในยุคปัจจุบันทั้ง มนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อม เพราะปัจจุบันนี้พื้นที่ดังกล่าวก็ยังคงเป็นพื้นที่ต้องห้าม

การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเข้มข้น เก็บทุกรายละเอียดที่มี ไม่ว่าจะเป็นของใช้ต่างๆที่ใช้กันในยุคนั้น เครื่องแต่งกาย รถต่างๆนานา  ถ้าใครเป็นคอหนังแนววิทยาศาสตร์ล่ะก็ ห้ามพลาดเลยค่ะ  

ซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์น้ำดี จึงคว้ารางวัลมาหลายรางวัลเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงสมทบ, รางวัล Emmy award สาขาผู้กำกับ outstanding , รางวัลชนะเลิศ TV Program of the Year เป็นต้น

หลัวจากดูเรื่องนี้จบ ก็มีเรื่องสารคดีที่ทางซีรีย์จะพาคุณไปดูสถานที่จริงในปัจจุบัน ซึ่งเรียกว่าเห็นแล้วก็หดหู่

คะแนนความชอบ :  9/10

ดูได้ที่ :  HBO 

เป็นไงกันบ้างคะ 12 ซีรี่ย์ฝรั่ง 2020 ที่เรานำมาเเนะนำวันนี้ มีหลากหลายอารมณ์ของซีรีส์ ว่าจะเป็นแนวสืบสวน สอบสวน โรแมนติค คอมมาดี้  เรียกว่าเลือกดูได้ตามจริตของแต่ละคนกันเลยค่ะ ไม่เพียงแต่สนุก ยังได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย 

แล้วหากเรามี ซีรี่ย์ฝรั่ง ใหม่ๆ จะนำมาเเนะนำกันอีกนะคะ

 

บทความน่าสนใจ

ร้านอาหารและคาเฟ่ ในกรุงเทพฯ

ร้านอาหารและคาเฟ่ ในต่างจังหวัด