สืบเนื่องมาจากได้นัดเพื่อนไว้บริเวณวงเวียน 22 ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ซึ่งวงเวียนเกิดจากการตัดกันของถนน 3 สาย คือ ถนนไมตรีจิตต์ ถนนมิตรพันธ์ และถนนสันติภาพ โดยวงเวียน 22 สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงตัดสินพระทัยนำประเทศไทยเข้าร่วมกับสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2460 จึงนำไปสู่ที่มาของชื่อวงเวียนนั่นเอง ทั้งนี้ ปัจจุบันย่านวงเวียน 22 ยังคงเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยร้านขายยางรถยนต์ และที่จอดตุ๊กตุ๊กไว้หลายคัน (ไม่ทราบเหตุผลเช่นกัน) ทำให้เมื่อเห็นร้านกาแฟที่โดดสะดุดตาออกมาท่ามกลางร้านเปลี่ยนยางรถยนต์ นั้นก็คือ ร้าน 350 Station Cafe & Homestay จึงต้องตัดสินใจเข้าไปเยี่ยมชมสะหน่อยแล้ว
ร้านเปิด : เปิดทุกวัน 10.00 - 19.00 น. |
บริการ : เครื่องดื่ม เบเกอรี่ และอาหาร |
บรรยากาศ :ตกแต่งที่จัดว่ามีเอกลักษณ์ด้วยของสะสมแนววินเทจจนโดดเด่นสะดุดตา และไม่แออัด นั่งแล้วผ่อนคลาย มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปมากมาย |
เมนูแนะนำ : เซ็ตกาแฟดริป, ช็อกโกแลตเนื้อนุ่ม |
ที่ตั้ง : วงเวียน 22 กรกฎาคม ถนนไมตรีจิตต์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย |
ร้านตั้งอยู่บนถนนไมตรีจิตต์ ซึ่งเมื่อเดินผ่านจะสังเกตได้ง่ายมาก เพราะลักษณะการตกแต่งที่จัดว่ามีเอกลักษณ์ด้วยของสะสมแนววินเทจจนโดดเด่นสะดุดตา เพราะมีการนำเอาเครื่องใช้ภายในบ้านยุคเก่ามาตกแต่ง เพิ่มความเท่ห์ให้กับร้านด้วยอิฐเปลือย ที่ดูแล้วกลมกลืนไปกับการตกแต่งในสไตล์ชิโน-โปรตุกีส (ยุคที่ทุกคนรู้กันจักกันดีว่ายุโรปปะทะจีน)
เมื่อเดินเข้าไปในร้านสิ่งที่ทำเป็นอันดับแรกคือการสั่งกาแฟและขนม ซึ่งจะมีเมนูตั้งไว้ให้เลือก นอกจากนี้ ยังมีเมนูชาชนิดต่างๆ ไว้ให้ลองด้วยนะ อีกทั้ง โดยเพิ่งมารู้ทีหลังว่า 350 Station นอกจากจะขายกาแฟแล้วยังเป็นโฮสเทล (Hostel) อีกด้วย ซึ่งเข้าของร้านบอกว่าถ้าเป็นก่อนช่วงโควิด-19 ก็จะมีต่างชาติมาพักบ้าง แต่พอช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่มีคนมาพักเลย
ร้าน 350 Station มีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลาย ที่น่าจะถูกใจคอกาแฟไม่น้อย รวมทั้งรูปแบบการชง นอกจากจะมีแบบเอสเพรสโซเป็นมาตรฐานแล้ว ยังมีวิธีดริปทั้งแบบร้อนและเย็น ซึ่งร้านยังเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถดริปเองได้ด้วยหากต้องการ (แต่ผมไม่ต้องการเพราะกลัวจะทำเสียของเปล่าๆ) ทางร้านได้คัดสรรเมล็ดกาแฟให้เลือก 2 แบบด้วยกัน คือ เมล็ดกาแฟลาวและเอธิโอเปีย ที่มีความหอมและรสชาติเข้มข้น ที่สำคัญคือเป็นเมล็ดกาแฟออร์แกนิกแท้ 100% ที่มีกรรมวิธีทำแบบ Natural Process ส่วนกาแฟที่เลือกในคราวนี้เป็นกาแฟเอธิโอเปียจากโรงคั่วออสเตรเลียแบบคั่วกลางถึงอ่อน โดยเป็นกาแฟที่ถูกใจมานาน รสชาติจะออกเปรี้ยวแบบผลไม้ ดื่มแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นได้เป็นอย่างดี
หลังจากได้รับกาแฟหรือขนมตามที่สั่งแล้ว เชื่อเถอะว่าทุกจุด ทุกตำแหน่งที่นั่งของร้านนี้สามารถถ่ายรูปได้หมดร้าน ซึ่งเหมาะแก่การถ่ายภาพมีโซเซีลมีเดียมากๆเลยครับ มากไปกว่านั้นร้าน 350 Station ยังมีที่นั่งไว้คอยบริการที่ชั้นบนอีกด้วยนะ
ห้องน้ำในรูปข้างบนต้องขอเอ่ยถึงนิดนึง ตรงที่ตอนเห็นครั้งแรกแอบแปลกใจว่ามันเป็นห้องน้ำที่มีประตูเข้าถึงได้สองด้าน ซึ่งถ้าจะใช้งานต้องอย่าลืมล็อกทั้งสอง อีกทั้ง มันยังเป็นห้องน้ำที่เป็นทางเชื่อมระหว่างห้องสองห้องบนชั้นสอง ทำให้ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นห้องที่ทางร้านไว้ให้ลูกค้าใช้งานจริง เพราะถ้าดูจากรูปห้องนอนจะมีป้ายที่เขียนว่า “Toilet” ซึ่งน่าจะเป็นห้องนี้มากกว่าที่เป็นห้องน้ำของทางร้าน ไว้ถ้าใครไปช่วยถามให้หน่อยนะ (เพราะผมลืมถาม)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ ร้าน 350 Station Cafe & Homestay ร้านที่ได้กลิ่นอายความย้อนยุค ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ มีการรีโนเวทที่ลงตัว เครื่องดื่ม ขนม และอาหาร ทุกอย่างช่างลงตัว ใครผ่านมาแถวนี้ก็อย่าลืมเเวะมาอุดหนุนทางร้านได้นะครับ
หากกำลังมองหาร้านคาเฟ่และร้านอาหารอยู่ทาง thatsmatter.com ก็มีหลายร้านที่เราเคยไปลองทาน ลองกดเข้าไปอ่านเพิ่มนะครับ เผื่อเป็นร้านใหม่ๆ ที่เพื่อนๆยังไม่เคยไป จะได้แวะไปทานกันครับ