หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาท้องผูกแม้จากทานผักผลไม้เยอะแล้วก็ตาม คุณอาจจะไม่มีจุลินทรีย์ที่ดีในระบบย่อยอาหารก็เป็นได้ และจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านั้นก็หาได้ง่ายๆจาก โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวนั่นเอง วันนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำประโยชน์ดีๆจากโยเกิร์ตที่มีมากมายจริงๆถึงขนาดที่รู้แล้วต้องร้องว้าวแน่นอน และสำหรับคนที่ไม่ชอบรับประทานโยเกิร์ตอาจจะเปลี่ยนใจมาเป็นเพื่อนรักกันเลยก็ได้ถ้ารู้ว่าเพื่อนคนนี้มีประโยชน์มากขนาดไหน
บทความที่เกี่ยวข้อง
โยเกิร์ต คือ อาหารหมักดองประเภทหนึ่ง เพราะเกิดจากการเอา ‘น้ำนม’ จากสัตว์หรือพืชมาหมักด้วย ‘แบคทีเรีย’ กลุ่มที่ผลิตกรดแลกติก (Lactic Acid Bacteria : LAB) ซึ่งทำให้โยเกิร์ตมีลักษณะเฉพาะคือมีรสเปรี้ยว รวมทั้งทำให้โปรตีนในน้ำนมเสียสภาพและจับตัวตกตะกอนจนกลายเป็นเนื้อโยเกิร์ตที่มีลักษณะข้นหนืดนั่นเอง
แบคทีเรีย กลุ่มที่ผลิตกรดแลกติก (Lactic Acid Bacteria : LAB) แบคทีเรีย 2 ชนิดนี้เอง คือกลุ่มของจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่เรารู้จักในนามว่า โพรไบโอติก (probiotic) ซึ่งถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะ มันจะเข้าไปอาศัยอยู่กับเราในระบบทางเดินอาหาร เป็นเสมือนผู้พิทักษ์คู่ผู้ต่อสู้และป้องกันไม่ให้เราติดเชื้อจากพวกแบคทีเรียที่ก่อโรคต่างๆ อย่างเช่นโรคท้องร่วง
ลักษณะโยเกิร์ต
แบ่งโยเกิร์ตตามลักษณะที่พบได้เป็นเป็น 3 แบบ คือ
1.แบบกวน (stirred yogurt) เช่น โยเกิร์ตผลไม้ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
2.แบบคงตัว (set yogurt) เช่น โยเกิร์ตกรีก บัลแกเรีย
3.แบบพร้อมดื่ม (drink yogurt) เช่น โยเกิร์ตที่เติมน้ำหรือของเหลวอื่นเข้าไป
ประเภทของโยเกิร์ต
1.โยเกิร์ตแท้
มีลักษณะเนื้อครีมกึ่งแข็งกึ่งเหลว รสชาติอมเปรี้ยว ทำจากนมทั้งชนิดไขมันปกติ ไขมันต่ำ และปราศจากน้ำตาล
2.กรีกโยเกิร์ต
เนื้อโยเกิร์ตจะมีลักษณะแข็งมากกว่าโยเกิร์ตแท้ เกิดจากการกรองและคั้นเอาหางโยเกิร์ต น้ำ และแลกโตสออกไปจนเกือบหมด จนกลายเป็นเนื้อโยเกิร์ตที่เข้มข้นและแข็งตัว มีรสชาติเปรี้ยวฝาด โปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำมาก คุณประโยชน์แน่นแต่ก็ต้องระวังเพราะโยเกิร์ตกรีกมีไขมันมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไปถึง 3 เท่า และบางครั้งก็อาจเข้มข้นด้วยการใส่สารทำให้คงตัว ไม่ใช่การกรอง ต้องอ่านดูส่วนผสมตรงฉลากให้ดี ๆ
3.โพรไบโอติกโยเกิร์ต
เป็นโยเกิร์ตที่ผ่านกระบวนการเติมจุลินทรีย์เพิ่มเติ่มเข้าไป ทำให้มีคุณประโยชน์เพิ่มขึ้น และมีประโยชน์ต่อร่างกาย
4.โยเกิร์ตชนิดดื่ม
โยเกิร์ตที่เติมน้ำหรือของเหลวอื่นเข้าไป มีรสชาติหวาน มักจะมีน้ำตาลมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไป
5. โยเกิร์ตที่ไม่ได้ทำมาจากนมวัว
โยเกิร์ตเหล่านี้จะทำมาจากนมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว หรือกะทิ แทนนมวัว จึงเหมาะสำหรับคนที่ทานมังสวิรัต ในส่วนของรสชาตินั้น อาจแตกต่างจากโยเกิร์ตทั่วไป รวมไปถึงกลิ่นด้วยเพราะทำมาจากวัตถุดิบที่แตกต่างกันไป
ดังนั้นถึงจะบอกว่าเป็นโยเกิร์ตเข้มข้น โปรตีนแน่น หรือเป็นสูตรไขมัน 0% แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังเป็นอย่างยิ่งคือปริมาณของน้ำตาลในโยเกิร์ต ซึ่งมักเกิดจากการปรุงแต่งเพิ่มลงไปให้มีรสชาติที่คนชอบ เราจึงต้องดูฉลากข้อมูลข้างถ้วยด้วย
ประโยชน์จากโยเกิร์ต
1.แก้ท้องผูก
โยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้จึงสามารถช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นภายในลำไส้ทำให้ขับถ่ายคล่องในทุกๆเช้า แล้วโยเกิร์ตยังช่วยแก้อาการท้องเสียและการติดเชื้อบริเวณลำไส้ได้อีกด้วย
2.กระตุ้นการทำงานของลำไส้
แลคโตบาซิลัสในโยเกิร์ตเป็นจุลินทรีย์ที่ร่างกายต้องการ ซึ่งจะไปช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ลดการอักเสบของลำไส้ ยังมีผลการวิจัยว่าคนที่กินโยเกิร์ตเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้
3.แคลเซียมสูง
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เพราะโยเกิร์ตมีกรดแลกติกที่จะช่วยย่อยแคลเซียมให้เล็กลงทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ง่ายขึ้น แคลเซียมที่ได้จากโยเกิร์ตจะทำให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงการเป็นโรคกระดูกพรุน ป้องกันความดันสูง ต้านมะเร็งลำไส้ ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งบริเวณเนื้อเยื่อกระดูก ที่สำคัญโยเกิร์ตให้โปรตีนและแคลเซียมสูงกว่านมธรรมดาทั่วไป
4.ควบคุมน้ำหนัก
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรตีนจึงช่วยให้อิ่มท้อง แต่ถ้าหากต้องการลดน้ำหนักควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติหรือกรีกโยเกิร์ตเพราะมีโปรตีนสูงเป็น 2 เท่าของโยเกิร์ตทั่วไป แล้วยังให้แคลอรี่ต่ำ เมื่อเทียบกับโยเกิร์ตที่แต่งกลิ่นธรรมชาติซึ่งแคลอรี่และน้ำตาลสูงมาก ทางที่ดีที่สุดคือควรผสมโยเกิร์ตกับผลไม้สดๆลงไปเพื่อรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม แล้วยังได้วิตามินและไฟเบอร์อีกด้วย
5.ช่วยลดคอเลสเตอรอล
การรับประทานโยเกิร์ตซึ่งมีโพรไบโอติกอยู่ด้วยจะสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ โยเกิร์ตจะช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นไขมันชนิดเลวให้ลดลง แล้วการรับประทานโยเกิร์ตยังช่วยลดความดันโลหิต และยังกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้โยเกิร์ตยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอรไรด์ กลูโคส และน้ำตาลในเลือด
6.ช่วยลดกลิ่นปาก ฟันผุ โรคเหงือก
เมื่อทานโยเกิร์ตเป็นประจำก็สามารถช่วยลดระดับไฮโดรเจนซัลไฟด์ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดกลิ่นปากและลมหายใจมีกลิ่นเหม็น แล้วยังช่วยบำรุงเหงือกและฟัน ลดอาหารเหงือกอักเสบได้อีกด้วย สาเหตุที่ทานโยเกิร์ตแล้วช่วยให้ไม่มีกลิ่นปาก เนื่องจากแลคโตบาซิลลัสและสเตรปโตคอคคัสจะช่วยกำจัดแบคทีเรียในปากจึงช่วยลดกลิ่นปากจากการสะสมของแบคทีเรียได้นั่นเอง
7.ช่วยรักษาเชื้อราในช่องคลอดของผู้หญิง
เพราะโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่สามารถช่วยกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อันเกิดเนื่องมาจากเชื้อราต่างๆ แค่รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวันก็จะช่วยลดอาการช่วยลดการติดเชื้อลงถึง 3 เท่าเลย แล้วโยเกิร์ตช่วยรักษาช่องคลอดอักเสบอันเกิดจากเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย
8.ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร
ในโยเกิร์ตมีแล็กโตบาซิลลัสที่จะช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ H.Pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลในกระเพาะกว่า 90%
9.มีวิตามิน
ในโยเกิร์ตให้วิตามินโดยเฉพาะไรโบฟลาวิน หรือ วิตามินบี 1 และยังมีวิตามินเคที่โยเกิร์ตสามารถจะช่วยสังเคราะห์วิตามินในลำไส้ได้อีกด้วย
10.ส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่เจ็บป่วยง่าย การทานโยเกิร์ตเป็นประจำอาจเป็นตัวช่วยที่ดี การศึกษามากมาย ชี้ว่าการกินโยเกิร์ตทุก ๆ วันจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย ดังนั้น โปรไบโอติกส์สำคัญมาก ๆ เพราะมันช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปจนถึงระดับเซลล์ ซึ่งจะปกป้องคุณจากไวรัส ปรสิต และมะเร็งได้
11.ป้องกันความดันโลหิตสูง
เนื่องจากโยเกิร์ตจะช่วยกำจัดโซเดียมส่วนเกินในร่างกาย ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงไปด้วย ดังนั้นโยเกิร์ตจึงเป็นอีกหนึ่งอาหารทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังเป็นโรคความดันโลหิตสูง
โยเกิร์ตจะไม่ดีสําหรับคุณ เมื่อ?
ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตบางยี่ห้อ มีน้ำตาลในปริมาณสูงและส่วนผสมอื่น ๆ ที่อาจไม่เป็นประโยชน์ ดังนั้นควรอ่านดูลากก่อนซื้อรับประทาน
หากการเริ่มทานโยเกิร์ตเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน อาจจะเริ่มด้วย โยเกิร์ตที่ผสมผลไม้ รสชาติจะหวานมีเนื้อผลไม้หรือกลิ่นที่ช่วยทำให้ทานได้ง่ายขึ้น
วิธีทานโยเกิร์ตง่ายๆ สำหรับคนไม่ชอบทานโยเกิร์ต
และหากคนไหนไม่ชอบทานโยเกิร์ตเลยจริงๆวันนี้เรามีวิธีทานโยเกิร์ตง่ายๆมาแนะนำด้วย
1.เริ่มกินจากโยเกิร์ตรสผลไม้ก่อนแต่ต้องระวังอาจจะมีปริมาณน้ำตาลเยอะนิดนึงนะค่ะ
2.กินโยเกิร์ตผสมกับผลไม้สดช่วยให้ทานง่ายขึ้น ทำให้ได้รสชาติที่หลากหลายและได้วิตามินที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย
3.กินโยเกิร์ตกับผลไม้หรือธัญพืชอบแห้ง ทำให้ทานง่ายขึ้นมากๆเพราะถั่วและธัญพืชอาจจะเป็นของโปรดของใครหลายๆคนอยุ่แล้ว
4.กินโยเกิร์ตรสธรรมชาติกับสลัดผัก อันนี้เหมาะมากกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก
สูตรดีท็อกซ์ ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
สูตรที่ 1
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
นมสด 1 แก้ว
น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
มะนาว ½ ลูก
ผสมทุกอย่างรวมกันในแก้ว แล้วดื่มตอนเช้า
สูตรที่ 2
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
น้ำอุ่น 2 แก้ว
หลังตื่นนอนดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ
Resources;
https://bmcmedicine.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12916-014-0215-1
https://mbio.asm.org/content/5/5/e01580-14.abstract
https://www.medicalnewstoday.com/articles/295714#types