มาแล้วจ้ามาแล้ว ซีรีย์ตะวันตก ซีรี่ย์ฝรั่ง 2020 2021 วงการซีรีย์มันเขามาแล้วจะออกก็ยาก ถ้างั้นเราไปให้สุดกันเลย ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ย์จีน ซึรี่ย์ญี่ปุ่น ที่ทำเอาคนดูอย่างเราตาแฉะ ที่หลายคนเค้าเตือนว่าวงการซีรี่ย์อย่าได้เหยียบเท้าเข้ามาเพราะถอนตัวยาก สายซีรีย์เกาหลี จีน ที่ว่าปังปุริเย่ ดังพลุแตก จิกหมอนเปลี่ยนหมอนมาหลายใบแล้ว ลองเปลี่ยนมาดูซีรี่ย์ฝรั่งกันบ้าง เรียกว่าเปลี่ยนแนวบ้างไรบ้าง เพราะดีไม่แพ้กันเลยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ถ้าใครเป็นสายเกา สายจีนแล้วไม่อาจเปลี่ยนใจ ก็อยากให้ลองเปิดใจสักนิด แล้วคุณอาจจะติดอกติดใจไม่ยอมลุกออกจากโซฟาเลยก็ได้ วันนี้ทาง thatsmatter.com จะพาทุกคนไปดู ซีรี่ย์ฝรั่ง 2021 2022 ใหม่ๆ ที่ออกมาภายในไม่กี่ปีนี้กันบ้าง ไปดูกันค่ะว่ามีอะไรกันบ้าง
รีวิว 12 ซีรี่ย์ฝรั่ง 2021 2022
-
Bridgerton วังวนรัก เกมไฮโซ
ประเภทซีรีย์ : ดราม่า โรแมนติค ย้อนยุค
ปีที่ฉาย : 2022 (Season 1 มีรีวิวไปแล้ว กดไปอ่านได้เลยจ้า)
จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน
พากย์ไทย : 🗸
เรื่องย่อ : Bridgerton จากนิยายชื่อดังของ Julia Quinn ที่ขายดีสู่จอทีวีของแพลตฟอร์มความบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix เรื่องนี้ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องปรบมือ จุดพลุชุดใหญ่ให้กับทาง Netflix ที่ได้ทำซีรีย์ Netflix original น้ำดีมาให้คนดูได้ติดตามกัน
บริดเจอร์ตันเป็นเรื่องที่กล่าวถึงสังคมไฮโซเมืองผู้ดีอังกฤษ ในยุค Regency ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลนี้ ซึ่งเป็นตระกูลไฮโซในสังคม โดยมีลูกชายและลูกสาวรวมกัน 8 คน ซีรี่ย์แรกเป็นเรื่องของดาฟนี่ ลูกคนที่ 4 ที่ได้แต่งงานกับไซมอน ดยุคแห่งเฮสติ้ง
ก่อนจะเข้าเรื่องย่อของ Bridgerton มาดูกันก่อนค่ะว่าในครอบครัวนี้สมาชิกเป็นใครกันบ้าง
เมื่อมาถึงซีรี่ย์ 2 ปี 2022 จะเน้นไปที่ลูกชายคนโต (ลูกคนแรก ของตระกูล) ลอร์ดแอนโทนี่ บริดเจอร์ตัน (นำแสดงโดย โจนาธาน เบลีย์) ซึ่งเป็นไวส์เคานต์ของตระกูลบริดเจอร์ตัน เป็นหนุ่มรูปงามที่มาพร้อมกับทั้งความสามารถ ร่ำรวยเสน่ห์และเงินทอง แอนโทนี่ได้ขึ้นเป็นผู้นำของครอบครัวตั้งแต่พ่อของเขาเสียชีวิตไป เขาเป็นคนเคร่งขรึมเพราะต้องเป็นผู้นำในครอบครัวตั้งแต่เด็ก ซึ่งตัวแอนโทนี่เองก็รู้สึกว่าตัวเองถึงเวลาแล้วที่จะมีภรรยาและทายาทเพื่อสืบสกุล เค้าจึงเข้าร่วมการหาคู่ในฤดูนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเอาสะเลย เพราะเมื่อพบคนที่รู้สึกชอบใจ นั่นก็คือ เอ็ดวิน่า (ชาริธรา ชานดรัน) ตระกูลชาร์มา ที่เดินทางมาจากอินเดีย มาหาคู่ครองในฤดูนี้ ซึ่งมาพร้อมกับแม่และพี่สาว เคท (ซีโมน แอชลีย์) ตัวของเคทไม่ชอบลอร์ดแอนโทนี่ สักเท่าไหร่ จึงคอยกีดกัน แต่ยิ่งกีดกัน ก็ทำให้เคทและลอร์ดแอนโทนี่ เริ่มใกล้ชิดกัน จนทำให้การหาคู่ครั้งนี้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งขึ้น แล้วสุดท้ายลอร์ดแอนโทนี่ จะมีคู่ครองหรือไม่ แล้วใครจะเป็นคู่ครองของเค้า ต้องตามไปดูกันนะคะ
มากไปกว่าเรื่องการหาคู่ครอง ตัวละครลับจากซีรี่ย์แรกอย่าง Lady Whistle Down นักเขียนปริศนา ที่ได้เขียนหนังสือพิมพ์ซุบซิบสังคมไฮโซ ที่ผลงานการเขียนที่มีความจิกกัดสังคมชั้นสูง ก็ได้เผยตัวแล้วด้วยว่าเป็นใคร ดังนั้นห้ามพลาดเลยนะคะ
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เนื้อหาเรื่องนี้เป็นไปอย่างกระชับ สนุก ไม่น่าเบื่อ ไม่ใช่เป็นเรื่องรักหวานเลี่ยน แต่ยังมีเนื้อหารองที่น่าสนใจ น่าติดตาม นักแสดงเล่นดีทุกคน ทำให้คนดูอย่างเราอินไปกับเนื้อหา พูดถึงฉาก เสื้อผ้า คอสตูม สวยงามอลังการ ฉากวาบหวิวในซีรี่ย์นี้ก็ยังคงมีอยู่ แต่ไม่ได้มากอย่างในซีรี่ย์แรก
คะแนนความชอบ : 9/10
ดูได้ที่ : Netflix
2. Emily in Paris (2021) เอมิลี่ในปารีส
ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า คอมมาดี้ โรแมนติค
ปีที่ฉาย : 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 10 (Season 1 มีรีวิวไปแล้ว กดไปอ่านได้เลยจ้า)
พากย์ไทย : ✘ แต่มีซับไทย (บรรยายไทย)
เรื่องย่อ : เป็นอีกซีรีย์ netflix original เรื่องนึงที่ทาง Netflix ทำเอาไว้ได้ดีทีเดียว เรียกว่าทำเอาสาวๆต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบกันทีเดียว เพื่อนสาวๆไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือฝรั่งก็ติดกันอย่างถอนรากไม่ขึ้น
Emily Cooper (Lilly Collins) สาวน้อยจากอเมริกาที่เดินทางมาทำงานฝรั่งเศส (เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากซีซัน 1) ที่บริษัท Savoir เป็นบริษัทมาร์เก็ตติ้งในกรุงปารีส ซึ่งเธอไม่รู้ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งในประเทศฝรั่งเศสคือ การที่คนจะมาทำงานที่นี่ต้องสามารถสื่อสารฝรั่งเศสได้บ้าง จึงทำให้บอส Sylvie (Philippine Leroy-Beaulieu) ซึ่งเป็นสาวใหญ่ไม่ปลื้มในตัวเอมิลี่เอาสะเลย เธอจึงได้พบกับ อัลฟี่ (Lucien Laviscount) เพื่อนใหม่ชาวอังกฤษในคลาสเรียนภาษาฝรั่งเศส ซึ่งทั้งคู่ก็ได้สนิทกันจะว่าไปก็ถึงขั้นคบหา แต่เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายสะขนาดนั้น เพราะตัวของเอมิลี่ก็ยังมีใจให้กับเกเบรียล’(Lucas Bravo) เชฟหนุ่มสุดหล่อ ที่ซีรี่ย์แรกดูเหมือนว่าจะย้ายกลับไปเปิดร้านอาหารที่บ้านเกิดที่นอร์มังดี ซึ่งทำให้เค้าต้องจบความสัมพันธ์กับคามิลล์ (Camille Razat) เพื่อนชาวฝรั่งเศสของเอมิลี่ เกเบรียลก็มีใจให้กับเอมิลี่ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาเลือกที่จะอยู่ต่อในปารีส (อีกเหตุผลนึงคือมีอังตวยมาเป็นนายทุนในการเปิดร้านให้) แต่เอมิลี่ก็กลัวว่าตัวเองจะผิดใจกับคามิล จึงถอยออก แต่สุดท้ายคามิลก็รู้เรื่องจนได้ เอมิลี่ยังโชคดีที่มี Mindy (Ashley Park) ที่ในซีซันนี้ได้ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นเดียวกับเอมิลี่ คอยเป็นเพื่อนปลอบใจ ขอบอกว่าในซีซันนี้มีความอีรุงตุงนังของความรักของเอมิลี่อยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น แมทธิว (ที่มาโผล่ใน EP แรก), อัลฟี่ และเกเบรียล ไหนจะความสัมพันธ์กับคามิลล์ จะแตกหักหรือไม่นั้น ต้องไปตามดูกันนะคะ
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : แฟชั่นในเรื่องไม่ขาดตกบกพร่อง นักแสดงทุกคนแต่งตัวได้อย่างจัดเต็มสมกับการที่ได้อยู่เมืองแห่งแฟชั่นอย่างปารีส เรื่องราวความสัมพันธ์ของเอมิลี่กับเกเบรียล ก็มีความน่ารำคาญเกินเบอร์อยู่เหมือนกัน ในซีซันนี้คืออาจจะแสดงกันในช่วงของโควิด เรื่องราวเลยค่อนข้างไม่มีอะไรมาก ดูแล้วจะเน้นไปส่วนของคอสตูม
คะแนนความชอบ : 7/10
ดูได้ที่ : Netflix
3. THE FLIGHT ATTENDANT
ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า คอมมาดี้ ลึกลับ อาชญากรรม
ปีที่ฉาย : 2020
จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน
พากย์ไทย : ✘ แต่มีซับไทย (บรรยายไทย)
เรื่องย่อ : THE FLIGHT ATTENDANT เป็นเรื่องราวของแคสซี่ บาวเดน แอร์โฮสเตสสาวสวย ขี้อ่อย ที่เธอเองนั่นมีปมในชีวิตจากเรื่องราวในวัยเด็ก จึงทำให้เธอนั้นติดการดื่มเหล้า เมื่อเธอเมานั้นเธอก็เมาจนลืมตัว ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น บนไฟลท์การเดินทางมาประเทศไทยนั้น เธอได้มีโอกาสได้ดูแลผู้โดยสารหนุ่มหล่อ อเล็กซ์ โซโคลอฟ มาดดี บนเครื่องความสัมพันธ์ที่มีบนเครื่องนั้น ทำให้เขาทั้งคู่ได้สานต่อความสัมพันธ์ นัดเดทกันนอกรอบที่ในกรุงเทพ ประเทศไทย แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบกับความสับสน เมื่อผู้โดยสารหนุ่มคนนั้นกลายเป็นศพนอนอยู่ข้างๆ เธอ เหตุการณ์นี้ทำให้ชีวิตของเธอต้องตกอยู่กับความสับสน อลวล พยายามหาคำตอบของการเสียชีวิตของชายหนุ่มคนนั้น แต่ด้วยความโก๊ะของเธอจึงทำเรื่องราวการหาคำตอบของฆาตรกรรมครั้งนี้มีความน่าสนใจ
ตามอ่าน THE FLIGHT ATTENDANT แบบสปอยเต็มเรื่องได้ที่นี่เลยจ้า
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้โดยเนื้อเรื่องแล้วนั้นไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากนัก แต่เนื่องจากในเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของครอบครัวแคสซี่ เพื่อนร่วมงาน หนุ่มในสต็อคของแคสซี่ ซึ่งแต่ละตัวนั้นก็มีบทบาทที่น่าสนใจ เพราะแต่ละตัวจะมีปมความหลัง การดำเนินเรื่องเรื่องนี้เป็นไปอย่างฉับไว ไม่ยืดเยื้อ จนบางครั้งคนดูเช่นเราก็แอบเสียดายโมเม้นนั้นว่าน่าจะทำอะไรได้มากกว่านั้น
คะแนนความชอบ : 8/10
ดูได้ที่ : HBO MAX
4. Maid ชีวิตเปื้อนเหงื่อ (2021)
ประเภทซีรีย์ : ดราม่า
ปีที่ฉาย : 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 10 ตอน
พากย์ไทย : x บรรยายไทย
เรื่องย่อ : Maid ชีวิตเปื้อนเหงื่อ (2021) ซีรีย์ฝรั่ง จากฝั่งอเมริกา สร้างจากนิยายเรื่อง Maid: Hard Work, Low Pay, and a Mother’s Will to Survive เป็นนิยายขายดีติดอันดับของ New York Times เป็นเรื่องราวของคุณแม่ยังสาวที่ชื่อว่า อเล็กซ์ ที่มีความใฝ่ฝันที่ต้องการที่จะเข้ามหาวิทยาลัย แต่มาพบรักกับ ฌอน บาเทนเดอร์หนุ่มหน้าตาดี คบหากันจนมีลูกน้อย ชีวิตคู่ของทั้งสองนั้นไม่ได้ราบรื่น ทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนอเล็กซ์ตัดสินใจพาตัวเองและลูกหนีออกจากความรุนแรงของสามีที่ติดเหล้า ต้องเอาตัวรอดและฝ่าฟันความลำบาก และต้องหาทางปลดล๊อคปัญหาที่ลุมเร้าเข้ามา เพื่อให้ตัวเองกลับมาเห็นคุณค่าของตัวเองอีกครั้งหนึ่งไม่ว่าทางที่จะเดินผ่านนั้นจะยากแค่ไหน
ตามอ่าน Maid ชีวิตเปื้อนเหงื่อ (2021) แบบสปอยเต็มเรื่องได้ที่นี่เลยจ้า
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : หลายฉากในเรื่องนี้ทำเราน้ำตาไหลมาหลายรอบมาก นักแสดงนำเสนอเรื่องราวได้ดี เนื้อเรื่องชี้ให้เห็นถึงปัญหาความรุนแรงที่เกิดในครอบครัว กว่าจะใช้ความกล้าหาญที่จะเดินออกมาและไม่เดินกลับไปใหม่นั้นมันต้องใช้เวลา มากไปกว่านั้นการที่จะจัดการปัญหาเหล่านั้นในวันที่คุณรู้สึกเหมือนว่าอยู่คนเดียวในโลกใบนี้ แต่จริง ๆ แล้วยังมีองค์กรที่พร้อมที่จะช่วยเหลือคุณในวันที่คุณคิดว่าคุณไม่เหลือใคร (ในประเทศอเมริกา) คนที่กำลังมีปัญหาชีวิตครอบครัว เมื่อได้ดูเรื่องนี้ก็ทำให้มีกำลังใจเพิ่มขค้น เพราะอเล็กซ์ เธอได้แก้ปัญหาไปทีละเปาะ หาเป้าหมายของชีวิตให้เจอ แล้วสุดท้ายก็จะสามารถก้าวผ่านเเละยืนหยัดขึ้นได้
5. You (เธอ)
ประเภทซีรี่ย์ : ดรามา โรแมนติค อาชญากรรม สยองขวัญ
ปีที่ฉาย : 2018, 2019, 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 6 ตอน
พากย์ไทย : 🗸
เรื่องย่อ : ขอเริ่มเกริ่นไปที่ซัซัน 1 ก่อนนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า โจ โกลดเบิร์ก (Penn Badgley) เป็นผู้จัดการร้านหนังสือที่ได้ตกหลุมรักกับลูกค้าสาวสวยอย่าง เบค (Elizabeth Lail) เขาแอบส่องเธอในร้านตลอดเวลา ไม่เพียงแค่นั้นเขายังตามเธอไปทุกที่ เรียกว่าเป็น Stalker นี่เอง จุดเริ่มต้นนี้เป็นฉนวนให้เค้าทำอะไรบ้า ๆ ลงไป โดยการที่ไปจับตัวชายหน่มที่เบคกำลังเดทอยู่ไปขังที่ห้องใต้ดินของร้านหนังสือ เพราะชายคนนั้นทำไม่ดีกับเบค สุดท้ายชายคนนั้นก็ได้ตายไป ส่วนตัวโจก็ได้คบหากับเบค ทุกอย่างเป็นไปได้ดี แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะโจเป็นคนที่คอยระแวดระวังทุกคนให้เบค แม้กระทั้งเพื่อนสนิทของเบค อย่างพีช ที่ดูเหมือนระแคะระคายในตัวโจ ก็โดนโจจัดการ แต่สุดท้ายเรื่องก็มาแตกเมื่อวันนึงเบตไปเจอกล่องที่โจแอบไว้ โจเก็บสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับคนที่เขาฆ่าทุกคนไว้ในกล่องนั้น ทำให้เบคพยายามตีตัวออกห่าง แต่สุดท้ายเบคก็ไม่รอด
มาถึงซีซัน 2-3 ซึ่งเรื่องราวก็เป็นเรื่องต่อเนื่อง โจได้ย้ายเมืองมาอยู่เมืองใหม่ ผู้คนใหม่ ๆ และเค้าก็ได้เจอสาวสวย ที่ชื่อว่า เลิฟ (Victoria Pedretti) โจก็พยายามที่จะไม่ตกหลุมรักเลิฟ แต่สุดท้ายก็รักเธอจนได้ ทั้งคู่รักกันและดูเหมือนกับว่าเคมีของทั้งคู่จะเข้ากันได้ด้วยดีสะด้วยสิ เรียกว่าสมน้ำสมเนื้อ ถ้าเป็นมวยก็เรียกว่ามวยถูกคู่ ก็แน่สิ เพราะทั้งคู่โรคจิตเหมือนกัน เลิฟก็โหดไม่แพ้กับโจเลย เธอเคยได้ลงมือฆ่าพี่เลี้ยงที่ดูแลเธอและน้องชาย เพราะน้องชายกับผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะมีใจให้กัน แต่ในสายของเลิฟกลับคิดว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังลวงน้องเธอ เธอจึงจัดการผู้หญิงคนนั้นออกไป
เมื่อโจและเลิฟแต่งงานกัน มีลูกด้วยกัน ดูเหมือนว่าคู่รักฆาตรกรนี้จะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ไม่เลยค่ะ ทั้งคู่ใช้ชีวิตแบบระแวงกันเอง และมีอีกหลายศพที่ทั้งคู่ได้ร่วมกันฆ่า มีใครบ้าง ทำไมต้องมาตกในวังวนนี้ ต้องไปตามกันดูนะคะ
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เป็นเรื่องที่ชอบเพราะได้มองเห็นอีกมุมความคิดของคนที่เราไม่เคยเจอมาในชีวิต มีการวางแผน รายละเอียดเยอะ แม้กระทั่งการที่เลิฟปลูกดอกไม้ที่มีฤทธิ์ให้เป็นอัมพาต ซีซันนี้ทำให้ระทึกใจมากขึ้นเพราะทั้งเลิฟและโจ เหมือนมีการวางแผนซ้อมแผนกันตลอดเวลา ชิงไหวชิงพริบกันตลอด
คะแนนความชอบ : 9/10
ดูได้ที่ : Netflix
6. Sex Education 2021 เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก)
ประเภทซีรี่ย์ : ดรามา คอมมาดี้
ปีที่ฉาย : 2019, 2020, 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน
พากย์ไทย : ✘
เรื่องย่อ : โอทิส (Asa Butterfield) นักเรียนหนุ่มเนิร์ดวัย 16 ปี ซึ่งเป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศสัมพันธ์ ซึ่งเขายังเวอร์จิ้น เขาอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว จีน มิลเบิร์น (Gillian Anderson) อาชีพของจีนก็คือนักบำบัดทางเพศและความสัมพันธ์ ที่ใช้บ้านของเธอเป็นสำนักงาน ซึ่งโอทิสก็ได้ยินเสียงที่แม่ให้คำแนะนำกับผู้ที่มาปรึกษาอยู่บ่อยครั้ง
โอทิส มีเพื่อนสนิทอย่าง เอริค เอฟฟิยอง (Ncuti Gatwa) ซึ่งเป็นเกย์ผิวดำ อารมณ์ดี แต่มีอารมณ์อ่อนไหว
นอกจากนี้โอทิสก็ได้มาสนิทกับ เมฟ ไวลีย์ (Emma Mackey) สาวผู้ยากไร้ ที่มีความดาร์คอยู่ในตัว เพราะเธอต้องดิ้นรนหาเงินเรียนด้วยตนเอง สาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่มาสนิทกันก็เพราะในคาบเรียนวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา มีคนแชร์วิดีโอแม่ของโอทิส ตอนกำลัวให้ความรู้เกี่ยวกับอวัยวะเพศชาย จนทำให้โอทิสต้องวิ่งออกจากห้องเรียน ครูจึงส่งเมฟ ตามไปดูโอทิส ซึ่งตอนนั้นโอทิสก็ยืนอยู่ข้างห้องน้ำร้างของโรงเรียน ขณะที่เมฟและโอทิสกำลังคุยกันนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ จากห้องน้ำ เมื่อพวกเขาไปดูก็พบกับ อดัม กรอฟฟ์ (Connor Swindells) ที่กำลังนั่งทรมานจากการกินไวอาก้าเข้าไป โอทิสก็เริ่มใช้สิ่งที่ซึมซับจากอาชีพของแม่ที่เป็นนักบำบัดทางเพศและความสัมพันธ์ มาช่วยอดัม จนเจ้าโลกของอดัมกลับมาสู่ปกติ และหลังจากนั้นอดัมก็ได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนสาวและได้สำเร็จความใคร่อย่างที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเมฟรู้ว่าอดัมได้สำเร็จความใคร่ เธอจึงมีไอเดียที่จำหาประโยชน์จากเรื่องนี้ขึ้นมาโดยการเปิดคลินิคลับที่ให้คำปรึกษาด้านเพศขึ้นมา โดยให้โอทิสเป็นคนบำบัด ส่วนเธอเป็นคนจัดคิวและหาคน โอทิสก็คิดไม่ตกว่าจะทำดีหรือไม่ เพราะไม่มั่นใจในตัวเอง แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง ด้วยเหตุผลที่ว่าเค้าก็แอบชอบเมฟ เรื่องสนุก ๆ จึงเกิดขึ้น
ซีซัน 3 เป็นตอนที่เมฟและโอทิส เริ่มขยับความสัมพันธ์จากเพื่อนเป็นคนรัก แต่เรื่องมันก็ไม่ได้ง่าย ไม่ได้ราบรื่นเพราะมีคนกีดกัน คน ๆ นั้ยเป็นใครต้องคอยไปติดตามกันนะคะ
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้สนุกมาก เพราะไม่ได้เพียงแต่เรื่องของเด็กวัยรุ่นเท่านั้น เรื่องราวยังนำเสนอความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง ครู อีกด้วย ตัวละครแต่ละตัวมีมิติของตัวเองทุกตัว มีปมของตัวเอง ทำให้ละครทุกตัวน่าสนใจ น่าติดตาม ลึกไปกว่านั้นการนำเสนอปัญหาครอบครัว พฤติกรรมต่าง ๆ มีผลก่อการเติบโตของเด็ก
คะแนนความชอบ : 9/10
ดูได้ที่ : Netflix / BBC
7. The Split
ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า
ปีที่ฉาย : 2018, 2019, 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 6 ตอน
พากย์ไทย : ✘
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของครอบครัวที่ประกอบไปด้วย 4 สาว แม่และลูก 3 คน โดยครอบครัวนี้มีสำนักงานทนายความ Defoe family of solicitor ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับคดีครอบครัว การหย่าร้าง โดยมีแม่ รูธ (Deborah Findlay), ลูกสาวคนโต ฮานน่า (Nicola Walker) และลูกสาวคนกลาง นิน่า (Annabel Scholey) ทำงานด้วยกัน ส่วนลูกสาวคนเล็ก โรส (Fiona Button) เป็นคนที่ไม่ได้มีความสนใจในธุรกิจครอบครัว เธอรับจ้างเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ครอบครัวนี้สนิทกันมาก
ฮานน่าตัวเธอเองนั้นมีครอบครัว เธอได้แต่งงานกับนาธาน (Stephen Mangan) ทนายความ (Barrister) ถึงแม้ว่าตัวเธอเองเป็นทนายด้านการหย่าร้าง เห็นเรื่องความเป็นมาของคนอื่นมาเยอะ แต่พอความสัมพันธ์ของตัวเองก็มีความอีรุงตุงนัง ทั้งจากฝั่งของฮานน่าและนาธาน นี่จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่เข้ามาสู่การหย่าร้าง
นิน่า ลูกสาวคนกลางของบ้านนี้ ที่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่เธอก็ยังต้องการผู้ชายดี ๆ มาถึงซีซันนี่เธอได้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอได้มีความสัมพันธ์ลับๆกับสามีของเจ้านาย จนทำให้ชีวิตเธอผันแปร วกวน และเสียใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้
ส่วนโรสน้องคนเล็กของบ้านก็แต่งงานกับแฟนหนุ่มเจมส์ ทั้งคู่พยายามที่จะมีลูก แจ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายของพวกเขา เครียดเรื่องลูกไม่พอ เรื่องร้ายอื่นก็เข้ามาแทรก ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
รูธ ผู้เป็นแม่ก็ได้คบหากับเพื่อนสนิท ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อถูกขอแต่งงาน เธอก็กลับกลายเป็นเจ้าสาวกลัวฝน แล้วสุดท้ายเธอจะตอบตกลงหรือไม่ต้องไปตามกันค่ะ
เรื่องราวของซีรีย์นี้ดำเนินเรื่องให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันของคนในครอบครัว ที่มีความขัดแย้งกันบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องแยกเรื่องส่วนตัว เรื่องงานให้ออก แล้วมาใช้ชีวิตหลังการทำงานเฉกเช่นครอบครัวเหมือนเดิมให้ได้ และทุกคนมีปัญหาภายในครอบครัว ถึงแม้ว่าทางอาชีพแล้วจะต้องจัดแจงให้ลูกความชนะความ แต่ชีวิตจริงของพวกเธอทั้ง 4 คน เขาจะจัดการอย่างไร อันนี้ต้องให้เพื่อนๆไปติดตามนะคะ สำหรับเราดูเรื่องนี้แล้วชอบในความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้มาก มีจริตแบบบ้านที่มีแต่ผู้หญิง ชุดนักแสดงสวย ทันสมัยทุกคน และซีซัน 3 นี้ก็เป็นซีซั่นสุดท้ายแล้วด้วย
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องราวของซีรีย์นี้เสนอให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ความรัก การหย่าร้าง การหลอกลวง การสูญเสีย การกลับมาใหม่ของความรัก ความกระทบที่เกิดขึ้นจากการแยกทางของคู่รัก นักแสดงเล่นดี ภาพสวย และที่สำคัญชุดนักแสดงสวย ทันสมัยทุกคน เรื่องราวค่อนข้างยืดยาว แต่ไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้น
คะแนนความชอบ : 9/10
ดูได้ที่ : BBC
8. Riverdale ริเวอร์เดล
ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า ลึกลับ อาชญากรรม
ปีที่ฉาย : 2017, 2018, 2019, 2020, 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 13-22 ตอน
พากย์ไทย : ✘
เรื่องย่อ : รื่องนี้พล็อตเรื่องทำมาจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง Archie and Friends
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Riverdale เมืองที่สงบสุข ผู้คนสนิทกัน จนอยู่มาวันหนึ่งเมือง Riverdale ที่เคยสงบสุขก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะการเสียชีวิตของเด็กหนุ่มชื่อ Jason Blossom (Trevor Stines) เป็นลูกชายของเศรษฐีเมืองนี้ เป็นตระกูลด้วยที่มีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้ ที่เป็นปฏิปักษ์กับตระกูล Cooper ซึ่งมีลูกสาวสองคนนั่นก็คือ Betty และ Polly แต่ Polly กับ Jason ก็ดันตกหลุมรักกันสะงั้น แต่สุดท้ายแล้วความรักก็ต้องจบลงเพราะ Jason เสียชีวิต ซึงคนในเมืองรู้สึกไม่ปลอดภัยในการอยู่ที่นี่ ทุกกันต่างใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง
กลุ่มเพื่อนไฮสคูลที่มี Archie (K.J. Apa), Jughead (Cole Sprouse), Betty (Lili Reinhart) และ Veronica (Camila Mendes) ได้สวมรอยเป็นนักสืบเพื่อหาข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะอยากให้เมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้ง และเพื่อหาข้อมูลเขียนข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน
เมื่อสืบไปสืบมาก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะตกเป็นผู้น่าสงสัยไปสะทุกคนไม่เว้นน้องสาวฝาแฝดของ Jason อย่าง Cheryl Blossom (Madelaine Petsch) ซึ่งการเข้าไปสืบเรื่องแต่ละครั้งนั้นก็พาตัวเองเข้าไปตกอยู่ในความอันตราย ไม่ว่าจะต้องเข้าไปสืบในแก็ง serpent
ต้องไปดูกันค่ะว่าพวกเขาจะสืบเรื่องราวค้นหาคนที่ฆาตรกรรม Jason หาคนทำผิดมาลงโทษได้หรือไม่
ส่วนภาคต่อๆไป ก็ยังคงเป็นเรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้นใน Riverdale ไม่ว่าจะเป็น Back Hood , Gargoyle King และอีกมากมาย เรียกว่า ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก มีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นมาตลอด แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้น่าเบื่อนะคะ เนื่องจากตัวละครมีความโตขึ้น มีกลุ่มคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น และที่สำคัญแต่ละครอบครัวมีความเกี่ยวข้องกันมาจตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ทำให้ซีรี่ย์ที่มีความลึก เนื้อเรื่องดูน่าสนใจ น่าค้นหาไปกับตัวละคร
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : ถ้าใครชอบเรื่องสืบสวนสอบสวนแล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาด คือได้อารมณ์แบบ “เลือดข้น คนจาง” กับแฮชแท็กที่ติดอันดับอย่าง #ใครฆ่าประเสริฐ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างมีคนมาเกี่ยวข้องเยอะกว่า แต่การดำเนินเรื่องก็ไม่ได้ทำให้เครียดจนต้องกุมขมับ ตัวละครมีความโตขึ้นทำให้เรื่องราวเข้มข้นมากขึ้น
คะแนนความชอบ : 9/10
ดูได้ที่ : Netflix
9.The Walking dead
ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า สยองขวัญ ระทึกขวัญ
ปีที่ฉาย : 2010 จนถึงปัจจุบัน 11 ซีซัน และยังคงมีต่อ
จำนวนตอนซีรีย์ : 6-16 ตอน
พากย์ไทย :
เรื่องย่อ : The Walking dead เป็นซีรีส์ที่ทำเรตติ้งถล่มทลายในทุกซีซั่น เรียกว่ามีแฟนคลับทั่วโลกเลยก็ว่าได้ นี่พอมานั่งทำรีวิวซีรีย์เลยอึ้งว่า นี่เราติดตามซีรีย์มาได้ยาวนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
โดยเปิดซีรีย์ขึ้นมาที่โรงพยาบาล โดยรองนายอําเภอ Rick Grimes (Andrew Lincoln) ตื่นมาจากอาการโคม่าที่โรงพยาบาล แต่สิ่งที่เค้าต้องพบก็คือผู้คนล้มตายกันมากมาย แต่เหตุการณ์มันไม่ธรรมดาก็คือการตายสยดสยองครั้งนี้เกิดจากเหล่าซอมบี้ หรือที่ในซีรีย์เรียกว่า วอร์คเกอร์ ได้คร่าชีวิตคน และเมื่อคนเหล่านั้นได้ตายไปก็กลายร่างเป็นซอมบี้ไปอีก เรียกว่าเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ตัว Rick ก็พยายามตามหาครอบครัวของเขา(ภรรยา Lori Grimes และลูกชาย Carl Grimes) สุดท้ายก็ได้เจอ แต่กว่าจะได้เจอนั้นเรียกว่าเล่นเอาคนดูลุ้นกันพอๆกับการจู่โจมของซอมบี้ แต่เมื่อเจอกันแล้วก็ใช่ว่าทุกอย่างราบรื่น เพราะยังคงต้องหาทีอยู่ที่ปลอดภัย พยายามออกจากเมืองนั้นเพื่อหนีจากซอมบี้
ระหว่างการเดินทางนั้น Rick ก็ได้เจอคนมากมายที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา ไม่ว่าจะเป็น Daryl (Norman Reedus),Carol (Melissa McBride), Michonne (Danai Gurira), Maggie (Lauren Cohan) และอีกหลายๆคน ที่มาร่วมเดินทางไปกับเขา แต่เมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ ก็ทำให้พวกเขารู้ว่า ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้ พวกเขาเลยคิดจะสร้างชุมชนเพื่อความอยู่รอด ให้ทุกคนได้มีอาหารที่เพียงพอ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะกลุ่มของ Rick ยังต้องต่อสู้กับซอมบี้ และกลุ่มหัวโจกอื่นๆที่รวมกลุ่มกันหวังจะเป็นใหญ่ เพื่อให้กลุ่มของตัวเองมีอาหารและของใช้ที่เพียงพอ
ซึ่งในแต่ละซีซันก็มีกลุ่มคนใหม่ๆเข้ามา มีเรื่องต่างๆให้ต้องแก้ไขกันมากมาย เรื่องนี้เราก็ยังคงเฝ้าติดตามการสร้างเมืองใหม่ของพวกเขาว่าจะเป็นอย่างไร
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้ตอนแรกที่ดูก็ขนหัวลุกทุกทีที่ซอมบี้ออกมา คอยลุ้นกันตลอดว่าตัวผู้แสดงที่ชื่นชอบจะโดนซอมบี้กัดหรือปล่าว แต่พอซีซันหลังๆก็มาลุ้นว่ากลุ่มของ Rick จะโดนใครลอบกัดรึปล่าว ชอบการดำเนินเรื่องที่ให้เห็นถึงความลำบากในการที่จะสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาสักหนึ่งเมือง ต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย และทำให้เห็นถึงความสามัคคีของคนในกลุ่มที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้กลุ่มของเขาปลอดภัย เพราะการดำเนินเรื่องของตัวละครมีความลำบากในบทละคร ทำให้คนดูอย่างเราก็ลุ้นไปกับซีรีย์ว่าสุดท้ายแล้วมันจะจบลงอย่างไร
คะแนนความชอบ : 10/10
ดูได้ที่ : Fox
10. Killing Eve คิลลิ่ง อีฟ
ประเภทซีรี่ย์ : ดราม่า แอคชั่น ผจญภัย
ปีที่ฉาย : 2018, 2019, 2020, 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน
พากย์ไทย : ✘
เรื่องย่อ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Codenname Villanelle
ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับ Eve Polastri ( Sandra Oh) ตำรวจรักษาความปลอดภัยของ MI5 (หน่วยราชการลับของอังกฤษ) ที่ได้รับมอบหมายให้ตามจับ Villanelle นักฆ่าสาวโรคจิต ( Jodie Comer) ขององค์กรลับแห่งหนึ่ง เธอเป็นนักฆ่าที่โหด เลือดเย็น ถือว่าเป็นนักฆ่าที่มีพรสวรรค์
ซึ่งทางองค์กรลับที่ Villanelle ได้ทำงานให้นั้น ได้มอบหมายงานชิ้นใหม่ให้ Villanelle ไปฆ่า Eve
เมื่อทั้งคู่ไล่ล่ากันไปไล่ล่ากัน ต่างพลัดกันชิงไหวชิงพริบ ก็ทำให้ตกหลุมรักกันสะงั้น (จากซีรีย์นักฆ่า กลายเป็นซีรีย์วายสะงั้น) แต่เป็นการตกหลุมรักแบบโหดเลือดสาด เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีใบสั่งฆ่า สั่งจับ จากหน่วยงานของตน และทั้งคู่ก็เป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานเอาสะด้วย แต่ความในใจลึกๆก็ยังห่วงหาอาลัยซึ่งกันและกัน
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูแล้วตอนแรกๆก็ค่อนข้างเครียดไปกับการฆ่าของ Villanelle แต่พอ Villanelle ออกมาด้วยการแต่งกายที่เก๋ ก็แบบลืมการเป็นนักฆ่าสายโหดของเธอไปสะนั้น แต่ก็ไม่ได้เครียดสะขนาดนั้นนะคะ เพราะความขี้เล่น กวนประสาทของ Villanelle ก็ทำให้อดขำไม่ได้
เรื่องนี้มันมีความลึกของตัวละครว่า Eve ผู้ที่เป็นตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้มาจับตัว และ Villanelle ผู้ที่สั่งได้รับคำสั่งให้ฆ่า Eve ตกหลุมรักกันได้อย่างไร แล้วสุดท้ายแล้วจะต้องทำตามหน้าที่ หรือทำตามหัวใจก็ต้องตามดูกัน
คำถามที่มีอยู่ในใจตอนที่ดูซีซัน 1-2 นั้นก็คือ ทำไม Villanelle ถึงโหดได้ขนาดนี้ แต่พอดูไปถึงซีซัน 3 จึงเข้าใจที่มาที่ไปของการเป็น Villanelle ได้มากขึ้น
ทาง imdb.com ให้ประเภทซีรีย์ Killing Eve ว่าเป็น Adventure แต่เราว่าจะเป็น Thrill สะมากกว่า
คะแนนความชอบ : 9/10
ดูได้ที่ : BBC
11. Death in Paradise
ประเภทซีรี่ย์ : ดรามา อาชญากรรม คอมมาดี้
ปีที่ฉาย : 2011, 2013, 2014, 2015, 2016, 2017, 2018, 2019, 2020, 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 8 ตอน
พากย์ไทย : ✘
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวน สอบสวน โดยทางประเทศอังกฤษได้ส่ง DI (เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ) ไปประจำการที่ Saint Marie หมู่เกาะที่มีความงดงามดั่งกับได้ไปอยู่บนสวรรค์ แต่หลายคนก็ต้องมาจบชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งการค้นหาผู้กระทำความผิดนั้นก็เป็นหน้าที่ของทีมสืบสวนที่นำโดย DI ของประเทศอังกฤษ ร่วมกับตำรวจท้องถิ่นร่วมกันหาความจริง
ซึ่งลีลาการหาเบาะแสของเจ้าหน้าที่จากประเทศอังกฤษคนใหม่ทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจ และการขมวดปมฆาตรกรรมในตอนจบของแต่ละตอน ก็เป็นการโยงข้อมูล หลักฐานที่เก็บมา และเปิดโปงฆาตรกร
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : พล็อตเรื่องของเรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก เพราะแต่ละตอนจะเป็นคดีที่แตกต่างกันไป ทำให้ดูได้ ไม่หนักสมอง เนื้อห้าจบในตอน เรื่องนี้ไม่ได้เน้นหนักในการให้เบาะแสที่หนักหน่วงอย่างเรื่องสืบสวนเรื่องอื่นๆสักเท่าไหร่ แต่จุดเด่นของเรื่องจะเป็นการขมวดการฆาตรกรรมของ DI ที่บางครั้งเราดูแล้วก็งงว่าเบาะแสแค่นี้ สามารถต่อเรื่องราวได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
อีกอย่างที่ซีรีย์เรื่องนี้เน้นก็คือ ความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงาน
ซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่ดูได้เรื่อยๆ เบาสมอง แต่ก็ชวนให้คิดตามว่าใครกันแน่น๊าคือฆาตรกร
เรื่องนี้เราเปลี่ยนหน้า DI มาแล้วทั้งหมด 4 คน ซึ่งแต่ละคนก็มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไป
คะแนนความชอบ : 7/10
ดูได้ที่ : Netflix / BBC
12. Lost in Space
ประเภทซีรี่ย์ : ดรามา แอดเวนเจอร์
ปีที่ฉาย: 2018 – 2021
จำนวนตอนซีรีย์ : 8
พากย์ไทย : 🗸
เรื่องย่อ : เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวโรบินสันที่ ซึ่งเป็นครอบครัวที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้บุกเบิกตั้งอาณานิคมใหม่ เรสโซลูต (The Resolute) แต่ระหว่างเดินทางท่องไปในอวกาศก็ได้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันทำให้ยาน จูปิเตอร์ของพวกเขากระเด็นไปตกยังดาวลึกลับที่พวกเขาไม่รู้จัก ตระกูลโรบินสัน พ่อ แม่ และลูกๆ ทั้ง 3 คน ต้องเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติ และสิ่งมีชิวิตต่างดาว ซึ่ง ดร.สมิธ ผู้ที่มีแผนการชั่วร้ายตลอดเวลา ก้าวเข้ามาพยายามสร้างแผนการ และทำลายครอบครัวโรบินสัน ทำให้ครอบครัวโรบินสันทะเลาะกันตลอดเวลา ส่วนลูกชายคนเล็กของครอบครัวโรบิน วิล ก็ได้พบกับมิตรภาพในตัวหุ่นยนต์สังหารต้องร่วมใจกันหาหนทางกลับสู่ เรสโซลูต ก่อนดาวดวงนี้จะถูกดวงอาทิตย์แผดเผา
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ ซีรี่ย์ฝรั่ง 2021 : ซีรี่ย์ Lost in Space เป็นรื่องราวดราม่าในครอบครัวระหว่างอยู่ในดาวลึกลับ ซึ่งดราม่าก็ไม่ทำให้คนดูรำคาญ หรือหงุดหงิดแต่อย่างใด ตัวละคร ดร.สมิธ ถือเป็นตัวร้ายที่มาทำให้เรื่องราวดูมีสีสันมากขึ้น ตัวละครอื่นๆ ก็เล่นได้ดี น่าสนใจ ทำให้คนดูลุ้นไปด้วย ภาพ เอฟเฟค CG สวยมาก
เป็นไงกันบ้างคะ 12 ซีรี่ย์ฝรั่ง 2021 2022 ที่เรานำมาเเนะนำวันนี้ มีหลากหลายอารมณ์ของซีรีส์ ว่าจะเป็นแนวสืบสวน สอบสวน โรแมนติค คอมมาดี้ เรียกว่าเลือกดูได้ตามจริตของแต่ละคนกันเลยค่ะ ไม่เพียงแต่สนุก ยังได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย แล้วหากเรามี ซีรี่ย์ฝรั่ง ใหม่ๆ จะนำมาเเนะนำกันอีกนะคะ